หลีกเร้น หมายถึงอะไร?
โดย wittawat  8 ม.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 49320

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หลีกเร้น หมายถึงอะไร?
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 145
๘. ปฏิลีนสูตร
[๓๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถ่ายถอนปัจเจกสัจจะ (ความเห็น ว่าจริงไปคนละทาง) แล้ว ผู้ละเลิกการแสวงหาสิ้นแล้ว ผู้มีกายสังขารอัน ระงับแล้ว เราเรียกว่า ผู้มีการหลีกออกแล้ว ...
ภิกษุผู้คลายความกำหนัดแล้ว ได้วิมุตติเพราะสิ้นตัณหา สละการแสวงหา คือการแสวงหากาม การแสวงหาภพ ทั้งการแสวงหาพรหมจรรย์ ถอนความถือว่า จริงอย่างนั้นอย่างนี้ เพิกร่างกายอันเป็นที่ตั้งแห่งทิฏฐิเสียได้ ภิกษุนั้นเป็นผู้มีสติ สงบรำงับแล้ว อันใครๆ ทำให้พ่ายแพ้ไม่ได้แล้ว ได้ตรัสรู้แล้ว เพราะละมานะได้ เรียกว่าผู้หลีกออกแล้ว.


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 147
บทว่า ปฏิลีโน แปลว่า ผู้หลีกเร้น คืออยู่ ผู้เดียว ...
บทว่า ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ ได้แก่ สัจจะแต่ละอย่างเป็นอันมาก.
บทว่า นุณฺณานิ แปลว่า นำออกแล้ว.
บทว่า ปนุณฺณานิ แปลว่า นำออกดีแล้ว.
บทว่า จตฺตานิ แปลว่า สลัดแล้ว.
บทว่า วนฺตานิ แปลว่า คายออกแล้ว.
บทว่า มุตฺตานิ คือ ทำเครื่องผูกให้ขาดแล้ว.
บทว่า ปหีนานิ แปลว่า ละได้แล้ว.
บทว่า ปฏินิสฺสฏฺฐานิ แปลว่า สละทิ้งไปแล้ว โดยที่จะไม่งอกขึ้นที่ใจอีก.
บทเหล่านี้ทุกบท เป็นคำใช้แทนความเสียสละ ซึ่งความยึดถือที่ยึดถือไว้แล้ว.
บทว่า กาเมสนา ปหีนา โหติ ได้แก่ การแสวงหากาม เป็นอันละได้แล้วด้วยอนาคามิมรรค.
ส่วนการแสวงหาภพ เป็นอันกำลังละด้วยอรหัตตมรรค แม้การแสวงหาพรหมจรรย์ คือ อัธยาศัยที่เป็นไปแล้ว อย่างนี้ว่า เราจักเสาะแสวงพรหมจรรย์ดังนี้ ก็สงบระงับไปด้วยอรหัตตมรรคนั่นเอง.
ส่วนการแสวงหาทิฏฐิพรหมจรรย์ ก็พึงพูดได้ว่า ย่อมระงับไปด้วยโสดาปัตติมรรคอย่างเดียว.
บทว่า เอวํ โข ภิกฺขเว ความว่า กายสังขารระงับแล้วด้วยจตุตถฌาน อย่างนี้ ก็ชื่อว่าลมอัสสาสะปัสสาสะสงบแล้ว.
บทว่า อสฺมิมาโน ได้แก่ มานะ ๘ อย่างที่เกิดขึ้นว่า เราเป็น ...


[สรุป]
>> หลีกเร้นคืออะไร?
ผู้หลีกออกอยู่ผู้เดียว
>> หลีกเร้นจากอะไร?
หลีกออกจากกิเลส ความไม่รู้ ความเห็นผิด ความติดในกาม ความติดในภพ การแสวงหาพรหมจรรย์ มานะ เป็นต้น
>> แม้พระโสดาบันแม้อยู่ในบ้านครองเรือน ก็เป็นผู้หลีกเร้น เพราะว่าท่านหลีกเร้นออกแล้วจากปัจเจกสัจจะ มีความเห็นผิดว่าโลกเที่ยง ว่าโลกสูญ เป็นต้น ไม่จำเป็นว่า ผู้ที่ครองเรือนพบปะกับผู้คนแล้ว หลีกเร้นไม่ได้ ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นหลีกเร้นจากอกุศล ขณะที่ฟังธรรม เข้าใจธรรม สติเกิดขึ้นระลึกสภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นก็หลีกเร้น คือ สงบแล้วจากความไม่รู้

>> และคนที่มีความเห็นผิดว่าโลกเที่ยง โลกสูญ หรือข้อปฏิบัติที่ทำไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นต้น แม้ไปนั่งอยู่คนเดียวในป่า ก็ไม่ชื่อว่า เป็นผู้หลีกเร้น โดยนัยแห่งพระสูตรนี้

กราบอนุโมทนา