๑๐. สูจิมุขีสูตร ว่าด้วยความแตกต่างการเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์
โดย บ้านธัมมะ  9 ก.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 37051

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 551

๑๐. สูจิมุขีสูตร

ว่าด้วยความแตกต่างการเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 551

๑๐. สูจิมุขีสูตร

ว่าด้วยความแตกต่างการเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์

[๕๑๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกในกรุงราชคฤห์ แล้วอาศัยเชิงฝาแห่งหนึ่งฉันบิณฑบาตนั้น ครั้งนั้น นางปริพาชิกาชื่อสูจิมุขีเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า ดูก่อนสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ? ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูก่อนน้องหญิง เรามิได้ก้มหน้าฉัน.

สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ?

สา. เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง.

สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือสมณะ?

สา. เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง.

สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉันหรือสมณะ?

สา. เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง.

สู. ดิฉันถามว่า ดูก่อนสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้ก้มหน้าฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอก


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 552

น้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เราไม่ได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง ก็บัดนี้ ท่านฉันอย่างไรเล่าสมณะ.

สา. ดูก่อนน้องหญิง ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูพื้นที่ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า ก้มหน้าฉัน ดูก่อนน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาว นักษัตร สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า แหงนหน้าฉัน ดูก่อนน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งเลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการรับส่งข่าวสาส์น สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศใหญ่ฉัน ดูก่อนน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาทายองค์อวัยวะ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศน้อยฉัน ดูก่อนน้องหญิง ส่วนเรานั้นมิได้เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาตรวจพื้นที่ มิได้เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาวนักษัตร มิได้เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการรับส่งข่าวสาส์น มิได้เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาทายองค์อวัยวะ (แต่) เราแสวงหาภิกษาโดยชอบธรรม ครั้นแสวงหาได้แล้วจึงฉัน.

ครั้งนั้น นางสูจิมุขีปริพาชิกาเข้าไปในกรุงราชคฤห์ จากถนนหนึ่งไปอีกถนนหนึ่ง จากตรอกหนึ่งไปอีกตรอกหนึ่ง แล้วประกาศอย่างนี้ว่า ท่านสมณศากยบุตรทั้งหลายย่อมฉันอาหารอันประกอบ


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 553

ด้วยธรรม สมณศากยบุตรทั้งหลายย่อมฉันอาหารอันหาโทษมิได้ ขอเชิญท่านทั้งหลายถวายบิณฑบาตแก่สมณศากยบุตรทั้งหลายเถิด.

จบ สารีปุตตสังยุต

๑๐. อรรถกถาสูจิมุขีสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า สูจิมุขี คือ นางปริพาชิกาผู้มีชื่ออย่างนี้

บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า นางปริพาชิกานั้น เห็นพระเถระมีรูปสวย น่าดู มีผิวพรรณงดงามดังทองคำ ชวนให้เกิดความเลื่อมใสตลอดเวลา จึงเข้าไปหาด้วยคิดว่า เราจักทำการร่าเริงกับพระเถระนี้ คราทีนั้นเมื่อพระเถระปฏิเสธคำพูดนั้น นางจึงสำคัญอยู่ว่า บัดนี้ เราจักโต้วาทะกับพระเถระนั้น จึงกล่าวว่า สมณะ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็แหงนหน้าฉัน (แหงนหน้าหากิน) ละซี?

บทว่า ทิสามุโข ได้แก่ หันหน้าสู่ทิศทั้ง ๔. อธิบายว่า มองดูทั้ง ๔ ทิศ (ทิศใดทิศหนึ่ง).

บทว่า วิทิสามุโข ได้แก่ มองดูทิศเฉียงทั้ง ๔ ทิศ.

บทว่า วตฺถุวิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย ได้แก่ ดิรัจฉานวิชา กล่าวคือ วิชาตรวจดูพื้นที่. อุบายเครื่องรู้ถึงเหตุที่ทำให้พื้นที่ทั้งหลายมีพื้นที่ปลูกน้ำเต้า ฟักเขียว และมัน เป็นต้น สมบูรณ์พูนผลชื่อว่าวิชาดูพื้นที่.

บทว่า มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ ความว่า เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ กล่าวคือดิรัจฉานวิชา ได้แก่ วิชาตรวจดูพื้นที่นั้นนั่นแล.


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 554

อธิบายว่า บริโภคปัจจัยที่เหล่าชนผู้เลื่อมใส เพราะความสมบูรณ์พูนผลแห่งพื้นที่เหล่านั้นอยู่.

บทว่า อโธมุขา ความว่า ชื่อว่าก้มหน้าบริโภค (ก้มหน้าหากิน) ด้วยอำนาจตรวจดูพื้นที่แล้วบริโภค.

อีกอย่างหนึ่ง ในบทเหล่านี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

บทว่า นกฺขตฺตวิชา ได้แก่ วิชาที่เป็นเหตุให้รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ฤกษ์นี้ ควรไปด้วยฤกษ์นี้ ไม่ควรไปด้วยฤกษ์นี้ ควรทำสิ่งนี้ สิ่งนี้ ด้วยฤกษ์นี้.

บทว่า ทูเตยฺยํ ได้แก่ งานของทูต คือ การรับเอาสาส์นของคนเหล่านั้นๆ ไปในที่นั้นๆ.

บทว่า ปหิณคมนํ ได้แก่ การเข้าไปยังตระกูลหนึ่งด้วยสาส์นของอีกตระกูลหนึ่ง ในหมู่บ้านเดียวกันนั่นแล.

บทว่า องฺควิชฺชา ได้แก่ วิชชาเป็นเหตุให้รู้องคสมบัติ (ลักษณะอวัยวะที่ดี) ตามอิตถีลักษณะและปุริสลักษณะ แล้วทราบอย่างนี้ว่าบุคคลจะได้สิ่งนี้ด้วยองคสมบัติอย่างนั้น.

บทว่า วิทิสามุขา ความว่า เพราะว่าวิชาตรวจดูอวัยวะชื่อว่าเป็นไปในทิศเฉียงทั้งหลาย เพราะปรารภส่วนของสรีระนั้นๆ เป็นไป (การตรวจดูลักษณะต่างๆ ต้องหันหน้าไปทั่วทุกทิศ) เพราะเหตุนั้น บุคคลทั้งหลายผู้หากินเลี้ยงชีวิตด้วยวิชานั้นจึงชื่อว่าหันหน้าสู่ทิศเฉียงทั้งหลายบริโภค (ส่ายหน้าหากิน).

บทว่า เอวมาโรเจสิ ความว่า นางปริพาชิกาเมื่อกล่าวคำเป็นต้นว่า ธมฺมิกํ สมณ ชื่อว่า กล่าว (สรรเสริญ) คุณของพระศาสนา


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 555

ว่าเป็นนิยยานิกธรรม.

ก็มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังกถานั้นแล้วพากันเลื่อมใสในพระศาสนาประมาณ ๕๐๐ ตระกูล แล.

จบ อรรถกถาสูจิมุขีสูตรที่ ๑๐

จบ อรรถกถาสารีปุตตสังยุต

รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้ คือ

๑. วิเวกสูตร ๒. อวิตักกสูตร ๓. ปีติสูตร ๔. อุเปกขาสูตร ๕. อากาสานัญจายตนสูตร ๖. วิญญาณัญจายตนสูตร ๗. อากิญจัญญายตนสูตร ๘. เนวสัญญานาสัญญายตนสูตร ๙. สัญญาเวทยิตนิโรธสูตร ๑๐. สูจิมุขีสูตร.