จริงไหม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทวิเหตุกบุคคล คือ ผู้ที่ปฏิสนธิประกอบด้วยเหตุ ๒ คือ อโลภะ และ อโทสะ ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย บุคคลประเภทนี้ ไม่สามารถได้ฌาน ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้น ได้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม สะสมการได้ยินได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็เจริญขึ้นได้ อบรมเจริญสติปัฏฐานได้ สำคัญอยู่ที่ว่ามีความเข้าใจอย่างถูกต้อง แต่ไม่สามารถถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ เพียงได้สะสมอุปนิสัยที่ดีเป็นที่พึ่งต่อไป
ข้อที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ เราไม่สามารถทราบได้ว่าเราปฏิสนธิประกอบด้วยเหตุ ๒ หรือ เหตุ ๓ แต่เมื่อมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนั้นให้ล่วงเลยไป ควรอย่างยิ่งที่จะสะสมปัญญาต่อไป ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้ได้เวลาของการฟังพระธรรม ในชาตินี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด ครับ
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ครับ
ปฏิสนธิ-ทวิเหตุก หรือ ติเหตุก
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 1 โดย khampan.a
ในวิปัสสนาญาณ 16 อย่างนั้น ทวิเหตุกบุคคล นั้น ญาณไหนสามารถเกิดกับทวิเหตุกบุคคลได้บ้างครับ
ขออนุโมทนาครับ
เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
ผู้ที่ปฏิสนธิด้วยเหตุ ๒ ไม่สามารถได้วิปัสสนาญาณ แต่เมื่อเห็นประโยชน์ของพระธรรม มีการฟังพระธรรม ก็สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไปได้ และ ที่มีการฟังพระธรรม ก็เพราะเคยสะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีต เป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงสนใจ ใส่ใจที่จะฟังต่อไป ซึ่งน้อยคนที่จะมีโอกาสได้ฟัง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
ผู้ที่ปฏิสนธิด้วยเหตุ ๒ ไม่สามารถได้วิปัสสนาญาณ แต่เมื่อเห็นประโยชน์ของพระธรรม มีการฟังพระธรรม ก็สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไปได้ และ ที่มีการฟังพระธรรม ก็เพราะเคยสะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีต เป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงสนใจ ใส่ใจที่จะฟังต่อไป ซึ่งน้อยคนที่จะมีโอกาสได้ฟัง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ ถูกต้องตรงหลักอภิธรรมที่แท้จริง
ขออนุโมทนาครับ
ไม่ว่าจะปฏิสนธิเป็นทวิเหตุก หรือ ติเหตุก ก็ไม่ประมาทในการในการเจริญกุศล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะนิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอ จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต