ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๑
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นที่เคารพสูงสุดที่จะไม่ประมาท ที่จะรู้ว่าฟังเท่าไหร่? เข้าใจแค่ไหน? เทียบกับที่พระองค์ทรงแสดงความจริง ๔๕ พรรษาโดยละเอียดยิ่ง โดยประการทั้งปวง เพื่อให้ผู้ที่ไม่รู้ ค่อยๆ ละความไม่รู้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลยทั้งสิ้น ไม่กี่วันก็จากโลกนี้ไปแล้ว รู้อะไรบ้างในโลกนี้ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดตั้งแต่เกิด ไม่รู้เลย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม และชาติต่อไปก็เป็นอย่างนี้ ชาติก่อนก็เป็นอย่างนี้ ตราบใดที่ไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ
~ ต้องไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่มีการศึกษาให้เข้าใจ พระพุทธศาสนาก็อันตรธาน (สูญสิ้น) เพราะฉะนั้น ก็เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า ที่สำคัญที่สุด ก็คือว่า ต้องดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถูกต้องตามที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ ถ้าไม่ตรง ก็คือ ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้าไม่ได้เข้าใจและไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะรักษาพระพุทธศาสนา ก็ไม่สามารถรักษาพระพุทธศาสนาได้ ไม่ใช่เอาอะไรมารักษา แต่รักษาด้วยความเข้าใจคำที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการศึกษาโดยละเอียดโดยรอบคอบ พระพุทธศาสนาก็ต้องอันตรธานทีละเล็กทีละน้อย จากการที่เหมือนยังคงมีอยู่แต่ก็ไม่ได้เข้าใจตามความเป็นจริง
~ กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริง แต่ที่จะให้ถึงเฉพาะความเข้าใจที่ได้จากความเข้าใจขั้นปริยัติ มาสู่การเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตรงตามความเป็นจริงทุกขณะ ต้องเป็นปัญญาที่สูงกว่านั้น เพื่อที่จะประจักษ์แจ้งที่ใช้คำว่าอริยสัจจะ สามารถทำให้คนที่ได้มีความเข้าใจและประจักษ์แจ้ง ถึงความเป็นผู้ประเสริฐยิ่ง คือ ดับกิเลสได้
~ แม้แต่คำว่า ธรรม คิดเองไม่ได้ ถ้าคิดเอง ก็ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นคำอื่นจากที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
~ แค่คิดว่าจะไปสำนักปฏิบัติ ก็เป็นภัยแล้ว ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ที่จะไม่ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและก็คิดที่จะปฏิบัติ โดยไม่รู้ว่าปฏิบัติเป็นปัญญาที่ต้องเกิดจากการได้ฟัง ไม่ใช่ปัญญาเล็กๆ น้อยๆ ด้วย รอบรู้ในพระพุทธพจน์อย่างมั่นคง จนสามารถที่จะทำให้มีปัญญาอีกระดับหนึ่งที่สามารถที่จะเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม ที่ได้ฟังแล้ว ว่า ไม่ใช่เรา
~ ต้องไม่ลืมว่า ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการนำไปสู่ปัญญา ทำให้เกิดปัญญา คือ ความเห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีทุกขณะ ไม่เว้นเลย
~ ถ้าเป็นผู้ที่นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ นับถือคำของพระองค์ เปลี่ยนคำของพระองค์ได้หรือไม่ได้? ใครจะเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ไม่นับถือแล้ว ใช่ไหม? จะบอกว่านับถือแล้วไปเปลี่ยนคำของพระองค์ได้อย่างไร?
~ ภัย ที่ทุกคนมองไม่เห็นแล้วก็คิดว่ารู้ภัยของพระพุทธศาสนาเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ความจริง ภัย ก็คือ ไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้เป็นภัยที่สำคัญที่สุด เพราะนำมาซึ่งพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ที่เข้าใจว่าเป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ความจริง ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็ไม่สามารถที่จะแก้ภัยของพระพุทธศาสนาได้เลย ไม่ว่าจะพากเพียรทำประการใดๆ ก็ตาม ผิด เพราะไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ภัยที่แท้จริง คือ การไม่รู้ ไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าจะแก้ภัย ก็คือ ต้องศึกษาต้องเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมีใครคิดอย่างนี้บ้าง? มีแต่คิดที่จะแก้ภัยโดยวิธีนั้นโดยวิธีนี้ต่างๆ แต่เมื่อไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะแก้ภัยได้อย่างไร
~ แก้ภัยทั้งหมดได้ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะภัยเกิดจากความไม่รู้ เมื่อไม่รู้ ก็เข้าใจผิดแล้วก็ต้องทำผิดไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่สนใจที่จะเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าแต่ละคนสงบ ประเทศชาติก็สงบ สังคมก็สงบ เพราะฉะนั้น อยู่ที่แต่ละคนสงบหรือเปล่า เมื่อไม่สงบจึงทำให้ทุกอย่างไม่สงบไปด้วย เพราะแต่ละหนึ่งคนไม่สงบ
~ ชีวิตประจำวัน เป็นธรรม ไม่เป็นอย่างอื่น จะเข้าใจได้ ก็ต้องอาศัยคำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ความดี เป็นความดี ความชั่ว เป็นความชั่ว ไม่ใช่ใคร เพราะฉะนั้น จะมีเมตตา มีความหวังดี มีความเป็นเพื่อน ได้ไหม แทนที่จะโกรธ เพราะโกรธ ไม่ดีแน่ๆ จะมาอ้างสักนิดหนึ่งว่า ต้องโกรธ ไม่ได้เลย ทำไมต้องโกรธ? ดีตรงไหน?
~ โกรธมีหลายระดับ ตั้งแต่ขุ่นใจเล็กน้อยนิดหน่อยจนกระทั่งพยาบาทไม่ลืมทั้งวันทั้งคืน ปรุงแต่งเป็นความคิดที่จะทำร้ายและทำลาย มาจากไหน มาจากความไม่ดี ไม่เห็นโทษของความโกรธว่า เพียงโกรธเกิดขึ้น ใครไม่สบาย ใครเป็นทุกข์?
~ การฟังธรรม ไม่รีบร้อน เพราะอะไร? เพราะสะสมความไม่รู้มามากในสังสารวัฏฏ์ หนาแน่นด้วยความไม่รู้ แล้วจะให้รู้ทันที เป็นไปไม่ได้เลย
~ คนที่ไปสำนักปฏิบัติ ทำวิปัสสนา ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักปฏิบัติธรรม ถูกหรือผิด? (ผิด) ปัญญา ตรงมาก เพราะว่าปัญญารู้ความจริง ปัญญาไม่กลัวที่จะพูดสิ่งที่ถูกต้องให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ด้วยความหวังดี เพราะฉะนั้น สมควรที่เขาจะได้เข้าใจ แล้วก็ช่วยให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย ถ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว จะพูดผิดจากที่เข้าใจได้ไหม? (ไม่ได้) เพราะฉะนั้น เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังคำของพระองค์แล้วไตร่ตรอง จนกระทั่งเข้าใจถูกต้องจริงๆ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรม ละเอียดมาก ให้เห็นแต่ละหนึ่งที่ต่างกัน เพื่ออะไร? เพื่อให้เข้าใจจริงๆ ให้รู้ความจริงที่มีจริงๆ ถ้าเข้าใจจริงๆ แล้ว จะค่อยๆ เข้าใจได้ว่า ไม่มีเรา แต่เป็นจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เป็นเจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) เป็นรูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร) เพราะฉะนั้น ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ไปทำ แต่ฟังแล้วเข้าใจมั่นคงจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ตรงสภาพธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ว่า ไม่ใช่เรา เป็นธรรมหนึ่ง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็น เห็นเป็นเห็น ทุกคนเห็น เห็นเป็นใครไม่ได้เลยทั้งสิ้นนอกจากเป็นเห็น แต่ความละเอียด คือ คนอื่นเห็น ยังมีกิเลส ยังไม่ได้ดับกิเลส แต่ผู้ที่ดับกิเลสแล้ว เห็น แต่ไม่มีกิเลส
~ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองไม่ดี ความไม่ดี ก็เพิ่มขึ้น จนสามารถจะถึงอย่างท่านพระเทวทัตได้ เพราะฉะนั้น ต้องไม่ประมาทแม้ความชั่วเพียงเล็กน้อย และไม่ประมาทแม้ความดีเพียงเล็กน้อย เพราะสิ่งที่เล็กน้อยนี่แหละ จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนมาก
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ อกุศลธรรม ธรรมฝ่ายไม่ดี ก็จะต้องนำไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดี ตรงกันข้าม ธรรมฝ่ายดีก็ต้องนำไปสู่ภพภูมิที่ดี ชีวิตประจำวัน ไปนรกง่ายไหม ลองคิดดู เพราะอกุศล มาก แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงขั้นที่กระทำทุจริตกรรม คือเบียดเบียนให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ยังไม่ใช่เหตุที่สมควรที่จะนำไปสู่อบายภูมิ แต่ว่าสะสมสืบต่อในจิตทำให้เป็นผู้ที่มีอุปนิสัยอย่างนั้น
~ อวิชชา คือ ความไม่รู้ วิชชา คือ ความรู้ ความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น เมื่อ วิชชา คือ ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก เกิด มีหรือที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะความรู้ แต่เนื่องจากความไม่รู้ ยังมีอยู่มาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมด ไม่ได้เกิดจากความรู้ความเข้าใจ ไม่ได้เกิดจากปัญญา แต่เกิดจากอวิชชาที่สะสมมา ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้น ความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่ผิด ก็ยังมี จนกว่าจะดับอวิชชาหมด
~ ทุกคนย่อมเป็นไปตามกรรมของตน ถ้ามีเมตตา ก็น่าสงสารคนที่ทำอกุศลกรรม เพราะเขาย่อมได้รับผลของอกุศลกรรมนั้น แล้วท่านก็จะไม่เดือดร้อนใจ ไม่ใช้วาจาที่ไม่สมควรหรือวาจาที่รุนแรงแก่บุคคลนั้น เพราะขณะนั้นมีเมตตา รู้ว่าบุคคลนั้น ย่อมได้รับผลของอกุศลกรรม
~ เราไม่รู้ว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ เย็นนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น ทุกขณะมีค่าจริงๆ เพราะเหตุว่า ความเข้าใจขณะนี้หนึ่งขณะก็จะทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากขึ้น เพราะถ้าขาดหนึ่งขณะเดี๋ยวนี้ จะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร และไม่มีอะไรที่จะดีในการที่ยังมีชีวิตต่อไปเท่ากับการที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริงซึ่งไม่สามารถที่จะคิดเองได้ นอกจาก ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เข้าใจความจริงเพิ่มขึ้น
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และยินดีในความดี อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริง แต่ที่จะให้ถึงเฉพาะความเข้าใจที่ได้จากความเข้าใจขั้นปริยัติ มาสู่การเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตรงตามความเป็นจริงทุกขณะ ต้องเป็นปัญญาที่สูงกว่านั้น เพื่อที่จะประจักษ์แจ้งที่ใช้คำว่าอริยสัจจะ สามารถทำให้คนที่ได้มีความเข้าใจและประจักษ์แจ้ง ถึงความเป็นผู้ประเสริฐยิ่ง คือ ดับกิเลสได้
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกสิ่งที่เกิดในโลก เกิดเพราะเหตุปัจจัย
กรรมดี กรรมชั่ว ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผล
คนทำอกุศลกรรม น่าสงสาร เพราะเขาไม่รู้
เห็นเป็นเห็น เห็น ไม่มีกิเลสเกิดร่วมด้วย
กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์และกัลยาณมิตรทุกท่าน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง กราบผู้ที่เผยแพร่คำจริง คำตรง ทุกๆ ท่านค่ะ
โกรธมีหลายระดับ ตั้งแต่ขุ่นใจเล็กน้อยนิดหน่อยจนกระทั่งพยาบาทไม่ลืมทั้งวันทั้งคืน ปรุงแต่งเป็นความคิดที่จะทำร้ายและทำลาย มาจากไหน มาจากความไม่ดี ไม่เห็นโทษของความโกรธว่า เพียงโกรธเกิดขึ้น ใครไม่สบาย ใครเป็นทุกข์?
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารและกัลยานมิตทุกท่าน
อนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนากุศลค่ะ ท่านอาจารย์ และกัลยานมิตรทุกท่านค่ะ