สักกายทิฏฐิ
โดย aparidod  27 ม.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 45508

สวัสดีทุกๆ ท่านครับ ผมมีคำถามที่อยากจะถามท่านอาจารย์ทั้งหลายครับ เนื่องจากว่าสักกายทิฏฐินั้นมีความละเอียดมาก การจะรู้ให้ชัดว่าขณะใดเป็นสักกายทิฏฐิในชีวิตประจำวันนั้น เป็นเรื่องที่ยาก

เราอาจจะพอจะรู้แบบหยาบๆ ได้เช่น เวลามีคนสนทนากับเราหรือกับใครก็ตาม ในเรื่องของความเห็นต่างๆ ที่เป็นไปในเรื่องของความยึดถือว่ามีตัวเรา แล้วในขณะนั้นเราเห็นด้วยหรือเราสนใจใคร่รู้เพื่อจะได้ทำชีวิตเราให้ดีขึ้นหรือเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราแย่ลง ในขณะนั้น สักกายทิฏฐิก็เกิดแล้ว ซึ่งเป็นความหยาบที่พอจะรู้ได้

แต่ส่วนที่ละเอียดซึ่งผมไม่แน่ใจว่าขณะนั้นเป็นสักกายทิฏฐิหรือไม่ เช่น ในขณะที่เราสนทนากับใครหรือไม่สนทนากับใคร แต่เราได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แล้วเกิดมานะขึ้นมาหรือขณะที่เขากล่าวถึงเราไม่ดีแล้วเราไม่ชอบใจขึ้นมา ขณะนั้นก็เป็นโทสะ
คำถาม

ก่อนที่จะเกิดมานะหรือโทสะ หรือคือหลังจากที่จิตเข้าใจความหมายของประโยคที่ได้ยินทั้งหมดแล้ว ก่อนที่จะเกิดมานะจิตหรือโทสะจิตอันเนื่องมาจากประโยคที่ได้ยิน มีจิตที่สัมปยุตด้วยสักกายทิฏฐิเกิดขึ้นก่อนหรือเปล่าครับ แล้วจึงเป็นปัจจัยให้มานะหรือโทสะ (อันเนื่องมาจากมีเรามีเขา) เกิดขึ้น?


เพราะตามความเข้าใจแล้ว เหตุที่จะให้เกิดมานะหรือโทสะในกรณีนี้ ก็เพราะต้องมีการยึดถือว่ามีเขาและมีเราขึ้นมาก่อน จึงมีการเปรียบเทียบในภายหลังในกรณีที่เป็นมานะ และไม่ชอบใจเพราะมีเขาที่ว่าเราในกรณีที่เป็นโทสะ

ถ้าได้ยินเสียงแล้วสติระลึกว่าเป็นเพียงเสียง สิ่งที่ตาเห็นเป็นเพียงเห็น อัตตาย่อมไม่เกิด เมื่ออัตตาไม่เกิด สักกายทิฏฐิเกิดไม่ได้ เหตุที่จะให้เกิดการเปรียบเทียบหรือสำคัญตนก็ไม่น่าจะมีได้ หรือเหตุแห่งการเกิดโทสะอันเนื่องมาจากเขาว่าเราก็มีไม่ได้
พอดีผมไม่ค่อยได้เข้าไปฟังบรรยายสดน่ะครับ ได้แต่ฟัง MP3 เอา

ขอบคุณครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 27 ม.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เบื้องต้น ควรจะได้เข้าใจว่า สักกายทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดที่ยึดถือในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ ทิฏฐิเจตสิก ผู้ที่เป็นปุถุชน สะสมความเห็นผิดมามากในสังสารวัฏฏ์ สะสมความเห็นผิดว่ามีเรา มีสัตว์ มีบุคคล เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นต้น เพราะยังไม่ได้ดับความเห็นผิดได้อย่างเด็ดขาด ยังมีพืชเชื้อของความเห็นผิดอยู่ ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล (สักกายทิฏฐิ) ก็ย่อมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นอกุศลธรรมที่เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นจริง และที่ตั้งที่จะให้ทิฏฐิประเภทนี้เกิดขึ้น ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่จริงที่เกิดดับในขณะนี้ ที่เป็นขันธ์ ๕ ได้แก่รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ซึ่งล้วนเป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เพราะยังไม่เข้าใจตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมแต่ละอย่าง เช่น เห็นเป็นธรรม ไม่ใช่เราที่เห็น ได้ยินเป็นธรรมไม่ใช่เราที่ได้ยิน เป็นต้น จึงมีการยึดถือความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เกิดขึ้น เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวเลย
สักกายทิฏฐิ เป็น สักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ มานะ ไม่ใช่ โทสะ แต่เพราะยังมีความเห็นผิดที่ยึดถือว่าเป็นเรา ก็เป็นเหตุให้เกิดอกุศลประการต่างๆ ได้ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เข้าใจสิ่งที่มีจริง ตรงตามความเป็นจริงเท่านั้นที่จะค่อยๆ ขัดเกลาละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ได้ ดังนัน จึงต้องฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมต่อไปค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย aparidod  วันที่ 28 ม.ค. 2566

ขออนุโมทนากับคำตอบด้วยครับอาจารย์


ความคิดเห็น 3    โดย ่jurairat91  วันที่ 28 ม.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 11 มี.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ