ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับเชิญไปสนทนาธรรมที่เวียดนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2555 ที่ฮานอย โดย Ms. Tam Bach (คุณตั้ม บัค) สุภาพสตรีชาวเวียดนามอายุประมาณ 40 ปี คุณตั้มนับถือพุทธมหายานแบบเวียดนาม นั่งสมาธิตามสถานที่ต่างๆ ในเวียดนาม พม่าและไทย เธอสนใจอยากรู้คำสอนของพระพุทธศาสนา จึงค้นหาจากเว็บไซต์ต่างๆ จนได้อ่านบทความของ Mr. Robert Epstein ชาวนิวซีแลนด์ ที่อยู่ในกลุ่ม Dhamma Study Group กลุ่มชาวต่างชาติที่ศึกษาพระพุทธศาสนากับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ คุณ Robert เขียนบทความว่า การนั่งสมาธิไม่ทำให้เข้าใจคำสอนในพระพุทธศาสนา ลงใน dhammawheel.com เมื่อคุณตั้มอ่านแล้วก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง จึงติดต่อและขอคำแนะนำจากคุณ Robert ทำให้ได้อ่านหนังสือของคุณนีน่า วัน กอร์คอม และได้ทราบที่อยู่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่กรุงเทพ จึงเดินทางมาที่มูลนิธิฯ ด้วยตนเอง แต่วันนั้นไม่พบท่านอาจารย์ แต่ก็ได้หนังสือภาษาอังกฤษของมูลนิธิฯไปหลายเล่ม เมื่อไปถึงเวียดนามก็เผยแพร่ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มทำสมาธิด้วยกัน ทุกคนสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติม จึงได้เรียนเชิญท่านอาจารย์ไปที่ฮานอย เวียดนามเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 55 – 12 พ.ย. 55 เป็นเวลา 9 วัน โดย ทพญ. วิภากร พงศ์วรานนท์ เป็นผู้จัดที่เมืองไทยในครั้งแรก Mr. Thai Tran Van เป็นผู้จัดที่เวียดนามทุกครั้ง
การสนทนาธรรมครั้งแรกจัดที่ชั้นสองของร้านกาแฟของสหายธรรมในกลุ่ม มีชาวเวียดนามหลากหลายวัยเข้าร่วมฟังกว่า 50 คน จนต้องยืนที่ระเบียงบ้าง ที่บันไดบ้าง และระบบเสียงก็ไม่ชัดเจน วันต่อมาสหายธรรมชาวไทยจึงร่วมกันเช่าห้องประชุมของโรงแรมดราก้อนที่อยู่ใกล้ๆ เพราะท่านอาจารย์บอกว่า ผู้จัดชาวเวียดนามยังเด็กคงไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะหาสถานที่เหมาะสมได้ มีผู้สนใจมาฟังพอสมควร โดยผู้ถามพูดภาษาเวียดนาม คุณตั้มแปลเป็นอังกฤษ ท่านอาจารย์และวิทยากรท่านอื่นๆ ตอบเป็นอังกฤษ คุณตั้มแปลเป็นเวียดนาม วิทยากรที่ร่วมบรรยาย มี คุณนีน่า วัน กอร์คอม คุณ Sarah Procter คุณ Jonathan Abbot ผู้ฟังบางคนก็คัดค้าน บางคนก็เห็นด้วยว่า การทำสมาธิไม่ทำให้เข้าใจคำสอน
ในครั้งนั้นได้แนะนำให้สหายธรรมเวียดนามรู้จัก www.dhammahome.com และเชิญให้ร่วมเผยแพร่ในภาษาเวียดนาม พร้อมกับตั้งชมรมบ้านธัมมะเวียดนามด้วย ซึ่งทำให้เผยแพร่พระธรรมได้กว้างขวางยิ่งขึ้น คุณตั้ม บัคและทีมงาน เช่น คุณตั้มน้อย คุณไม คุณฮั่ง คุณหาย ฯลฯ ได้แปลหนังสือของคุณนีน่าเป็นภาษาเวียดนามหลายเล่ม พร้อมทั้งได้บันทึกเสียงการสนทนาแต่ละครั้ง ตอบคำถามธรรม และต่อมาได้เผยแพร่การสนทนาธรรมออนไลน์ และได้รวบรวมการสนทนาธรรมแต่ละครั้งพิมพ์แจกเป็นธรรมบรรณาการแก่ผู้ร่วมสนทนา รวมทั้งหนังสือของมูลนิธิที่แปลแล้วด้วย (สหายธรรมจากเมืองไทยได้ร่วมสมทบทุนสำหรับพิมพ์หนังสือเป็นธรรมบรรณาการด้วย)
ครั้งที่ 2 ได้เรียนเชิญท่านอาจารย์ไปสนทนาที่ไซ่ง่อนและหวฺงเต่า ในวันที่ 31 ส.ค. 56 – 10 ก.ย. 56 มีผู้ร่วมเข้าฟังเพิ่มขึ้น ทั้งพระ แม่ชี และคฤหัสถ์
ครั้งที่ 3 16 พ.ค. 57 – 27 พ.ค. 57 ที่ดานัง ฮอยอัน
ครั้งที่ 4 29 ธ.ค. 57 – 8 ม.ค. 58 ที่ไซ่ง่อน
ครั้งที่ 5 10 พ.ค. 58 – 23 พ.ค. 58 ที่ดาลัด ญาจาง
ครั้งที่ 6 31 ธ.ค. 58 – 8 ม.ค.59 ที่ไซ่ง่อน
ครั้งที่ 7 1 เม.ย. 59 – 11 เม.ย. 59 ที่ญาจาง
โดยผู้จัดทางเมืองไทยในครั้งที่ 2 – 7 คือ พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง
ครั้งที่ 8 21 ต.ค. 59 – 1 พ.ย. 59 ที่ฮานอย ซาปา ผู้จัดทางเมืองไทย คือ คุณมารศรี บุรณไทย
และครั้งที่ 9 30 ม.ค. 60 – 15 ก.พ. 60 ที่ไซ่ง่อน และฮอยอัน ผู้จัดทางเมืองไทย คือ คุณมารศรี บุรณไทย
ครั้งหลังๆ ผู้จัดเวียดนามสามารถจัดสนทนาธรรมที่ห้องประชุมของโรงแรมที่ท่านอาจารย์พัก ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เป็นห้องประชุมใหญ่จุคนได้หลายร้อยคน ระบบเสียงชัดเจน สามารถถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ไปได้ทั่วโลก มีชาวเวียดนามมีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพ ทั้งค่าเดินทาง อาหารและที่พักแก่พระภิกษุและแม่ชีที่มาร่วมสนทนา
ผลที่ได้รับ คือ มีผู้เข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนามากขึ้นว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน เป็นต้น ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ฯลฯ หลายคนมากราบท่านอาจารย์ด้วยความซาบซึ้งที่ทำให้ได้ยินสิ่งที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หลายคนเดินทางไกลจากร้อยกิโลเมตรเพื่อมาร่วมสนทนา บางคนฟังออนไลน์ทางเว็บไซต์แล้วเดินทางมาร่วมสนทนา แม้จะห่างไกลสักเท่าไรก็ตาม คนฟังเก่าๆ ก็ยังติดตามมาฟัง และมีคนใหม่ๆ มาเพิ่มทุกครั้งที่เดินทางไป ครั้งสุดท้ายมีผู้อ่านจากเว็บไซต์ของ DSG (Dhamma Study Group) คือ Mr. Vincent เป็นชาวไต้หวันที่ทำสมาธิมานานนับสิบปีมาร่วมสนทนาที่ฮานอยด้วย และเข้าใจเพิ่มขึ้นจนเลิกทำสมาธิ และจะเดินทางมาสนทนาภาคภาษาอังกฤษที่นครนายกอาทิตย์หน้า (24 ม.ค. 60 – 26 ม.ค.60) พร้อมกับกลุ่ม DSG ที่เดินทางจากที่ต่างๆ เช่น คุณนีน่า จากเนเธอร์แลนด์ คุณซาราห์ คุณโจนาธาน จากฮ่องกง คุณแอน จากแคนาดา เป็นต้น แม้มีบางคนที่ติดการทำสมาธิ ไม่ยอมเข้าใจ มีข้อโต้แย้งทุกครั้ง และก็หายไปในที่สุด เพราะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าใจ แต่จากคำถามของผู้ฟังส่วนใหญ่ทำให้ทราบว่า มีผู้ฟังเข้าใจเพิ่มขึ้น ท่านอาจารย์บอกว่า แม้มีคนเข้าใจเพียงคนเดียวก็มีประโยชน์อย่างยิ่งแล้ว
กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของท่านอาจารย์ที่อุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อให้ผู้สะสมบุญไว้แล้วได้มีโอกาสได้ฟังและเข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้น
พระธรรมยิ่งเผยแพร่ยิ่งรุ่งเรือง
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ความรุ่งเรือง เฟื่องฟูของพระธรรมคำสอน ที่ปรากฏ เกิดขึ้น จนเห็นความเป็นปึกแผ่นมั่นคงขึ้นของความเข้าใจพระธรรม ความจริงที่ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ในแผ่นดินของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน นอกจากจะเกิดขึ้นเพราะเมตตาคุณอันยิ่ง ของท่านผู้มีนามว่าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ แล้ว
(ภาพท่านอาจารย์ ณ K'lang Resort เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘)
ทุกท่านย่อมทราบดีว่า มีท่านผู้ที่เปรียบเสมือนรองแม่ทัพที่ร่วมรบ (กับความไม่รู้) เคียงคู่กับท่านอาจารย์ในกาลครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น จนมีผลปรากฏความเป็นปึกแผ่นที่มั่นคงขึ้นในปัจจุบัน ในดินแดนที่พระอาทิตย์เริ่มแสงแรก ณ ขอบฟ้า ชายฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้เลย ท่านผู้นั้นคือ พลอากาศตรีหญิง กาญจนา และ รศ.สงบ เชื้อทอง ผู้ซึ่งมีส่วนแห่งการเกื้อกูลอุปการะ ส่งเสริม สนับสนุน แก่คณะบุคคล น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ชาวเวียดนาม มาตั้งแต่ต้น
จนบัดนี้ เมื่อการทั้งหลายมีความเข้าที่เข้าทางดีแล้ว พวกเราก็ได้รับความอนุเคราะห์ เสียสละเวลา จากการอาสาช่วยเหลือดูแลประสานงานกับชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม โดยคุณมารศรี บูรณะไทย ผู้ที่มีความน่ารักและอดทน (ต่อปัญหาและอุปสรรค นานาประการ) อย่างยิ่ง เป็นบุญของพวกเราท่านทั้งหลายในชาตินี้ ที่มีกัลยาณมิตร อันมีท่านอาจารย์เป็นหลักเช่นนี้ เป็นเหตุให้ได้มีโอกาสร่วมทำดีและศึกษาพระธรรม เจริญกุศลทุกประการ
กราบเท้าอนุโมทนาท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบอนุโมทนาพี่แดงและพี่สงบ (พลอากาศตรีหญิงกาญจนา - รศ.สงบ เชื้อทอง) และอนุโมทนาคุณมารศรี บูรณะไทย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาในกุศลจิตของน้องวันชัย ภู่งามอย่างยิ่ง ท่านผู้นี้ทำให้ทุกบทความที่เขียนมีคุณค่าน่าอ่านยิ่งขึ้นด้วยภาพประกอบที่สวยงามด้วยศิลปะและความวิริยะของท่าน และท่านยังมีมุทิตาจิตยินดีในกุศลของบุคคลอื่น ไม่ตระหนี่คำชมแม้จะเกินจริงไปบ้าง ดิฉัน พล.อ.ต.หญิง กาญจนา และ รศ. สงบ เชื้อทอง ไม่บังอาจเป็นรองแม่ทัพ เป็นได้แค่รองเท้าที่ทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นเท่านั้นเอง อย่างไรก็ขอขอบคุณสำหรับมุทิตาจิตค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอกราบอนุโมทนากุศลจิตทุกท่านค่ะ
การฟังธรรม สนทนาธรรม เป็นโอกาสได้ละความไม่รู้ เพราะได้ฟังความจริงที่ไม่เคยรู้ ได้ละคลายความสงสัย สิ่งที่เคยฟังแล้วก็ชัดเจนยิ่งขึ้น มั่นคงขึ้น เป็นขณะที่ประเสริฐที่สุดขณะหนึ่งในสังสารวัฎฎ์
แม้ในพระสูตรก็มีปรากฏว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดให้พระเถระไปแสดงธรรมแก่ภิกษุณีอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ภิกษุณีเหล่านั้น 500 รูป ท่านจึงได้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลทุกท่าน
ยุคนี้ สมัยนี้ กาลล่วงไปมากกว่า 2500 กว่าปี จำเป็นจะต้องฟังซ้ำๆ ๆ ๆ ยิ่งกว่าค่ะ
กราบอนุโมทนาในธรรมทานด้วยค่ะ
อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ