ดิฉันเป็นชาวเหนือค่ะ ในแถบบ้านเกิดของดิฉัน นิยมเรียก พระผู้มีพระภาคว่า "พระเจ้า" และดิฉันก็มีความสงสัยว่า พระเจ้าในศาสนาเรา กับพระเจ้าในศาสนาอื่นๆ จะเหมือนกันหรือไม่ และท่านจะคือพระองค์เดียวกันใช่ไหม เพราะว่าดิฉันเคยของหาย แล้วเพื่อนก็บอกให้ลองอธิษฐานขอต่อพระเจ้า พอดิฉันกลับถึงบ้าน ดิฉันก็นั่งสวดมนต์อธิฐาน ขอพรจากพระเจ้าที่หน้าหิ้งบูชาพระที่บ้าน ปรากฏว่าดิฉันก็ได้ของคืนมาจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ตามความเป็นจริง สอนให้ละ ไม่ใช่สอนให้ติด สอนถึงเหตุว่าอะไรคือเหตุให้ทุกข์ คือความหวัง ความต้องการ สอนให้เกิดปัญญาเพื่อละเหตุแห่งทุกข์ สอนให้รู้ตามความเป็นจริงว่าธรรมทั้งหลาย ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน สอนถึงเหตุและผล กุศลย่อมให้ผลเป็นกุศลวิบากคือสิ่งที่ดี ความต้องการ ความหวัง การขอ มิใช่เหตุแห่งการได้รับสิ่งที่ดีแต่เป็นเหตุแห่งทุกข์คือ ความติดข้อง ต้องการ ธรรมใดที่ไม่เป็นไปเพื่อเบิ่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด ทำให้ติดข้องมากขึ้นแม้สิ่งที่จะได้รับ นั่นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อการละโดยส่วนเดียว ละความต้องการ ละความไม่รู้ เป็นต้น
นั่นคือคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ ดังนั้นจึงเปรียบเทียบได้จากคำสอนไม่ใช่เพียงแค่เป็นคนดี แต่ดีเท่าไหร่ก็ไม่พอตราบใดที่ยังมีกิเลส พระพุทธเจ้าสอนให้ละกิเลสเหล่านั้นด้วยปัญญา โดยเกิดขึ้นได้จากการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง มิใช่เกิดจากความหวังหรือต้องการครับ เชิญศึกษาได้จากเวปนี้
ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระเจ้า ในความเชื่อของศาสนาอื่นๆ โดยส่วนมากล้วนแต่เป็นเทวนิยม ในบางศาสนา ผู้ที่เป็นสาวกยังเชื่อว่า ศาสดาของเขา ยังมีตัวตน ยังรอเขาอยู่ที่สวรรค์ ฯลฯ แต่พระเจ้าในการเรียกสั้นๆ ของชาวเหนือ ซึ่งก็หมายถึง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาไว้มากมาย ครบถ้วน สมบูรณ์ และละเอียดถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แล้วทรงมอบพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ดีแล้วนั้น เป็นศาสดาแทนพระองค์ โดยที่ไม่ทรงแต่งตั้ง แม้แต่พระอรหันตสาวกใดให้เป็นศาสดาแทนพระองค์เลย สำหรับผู้ที่สะสมบารมีมาพอที่จะได้รับฟังแล้วเกิดความเห็นถูก ก็จะเกิดความปีติซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณของพระพุทธองค์ เพราะพระธรรมคำสอนที่ทรงแสดงไว้นั้น ทำให้ผู้ตั้งใจสดับฟังด้วยดี เกิดปัญญา คลายทุกข์ และนำพาให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง เมื่อเหตุที่มี สมควรแก่ผลที่จะเกิด พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ก่อนที่จะทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น เป็นเหตุเป็นผล สุขุม ลึกซึ้ง ยากต่อความเข้าใจ และไม่สาธารณะ ทวนกระแสของความต้องการ ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยเลื่อนลอยทั้งหมด เหตุนี้ เมื่อเราได้มีโอกาสพบพระธรรมคำสอนแล้ว ก็เป็นบุญอันประเสริฐ ที่เราจะได้ศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจในความจริงที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน หรือมองข้ามมาโดยตลอด เพื่อที่จะบรรเทาความสงสัย และละคลายความเห็นผิดมากมาย ที่ถูกปลูกฝังด้วยความเชื่อที่ผิดๆ มานาน การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง เป็นการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมโดยน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เป็นพุทธบูชาสูงสุดในพระศาสนานี้ครับ
ถ้าเป็นผลของอกุศล ทรัพย์สมบัติก็พินาศสูญเสียไป แต่ถ้าเป็นผลของกุศล แม้ทรัพย์สมบัติที่สูญไปก็ได้คืนค่ะ
พระพุทธศาสนา ไม่มีพระเจ้า มีแต่สัจจธรรม สัจจธรรม เป็นเรื่องของเหตุและผลที่ต้องตรงกันเสมอ สามารถศึกษาได้จากพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้. หากมีความสนใจจริงๆ .
หากเราสามารถขอทุกอย่างได้ โดยไม่ทำอะไรเลย โลกนี้คงมีแต่ความสมปรารถนาทั่วกันทุกคน ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
มีเหตุปัจจัย จะทำให้ได้คืน ก็ย่อมได้กลับมา เหตุปัจจัยไม่มี จะได้คืนมาอย่างไร แม้อ้อนวอนอยู่ ก็เป็นการสูญเปล่า
ขออนุโมทนาทุกความเห็นค่ะ
สาธุ สาธุ ขอบพระคุณค่ะ
อธิษฐาน ในภาษาไทย หมายถึง การขอ ชื่งส่วนใหญ่ขอด้วยความหวัง ต้องการ (โลภะ) แต่ตามความหมายในภาษาบาลี (ซึ่งเป็นภาษา ในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์) คือ ความตั้งใจมั่นในการอบรมเจริญกุศลไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล ภาวนาเป็นบารมีอย่างหนึ่ง ใน บารมี ๑๐ (บารมี ๑๐ คือ กุศลที่ทำให้ถึง "ฝั่ง" คือ "นิพพาน") ขอเชิญท่านที่สนใจ และท่านเจ้าของกระทู้ (คุณอธิษฐาน) คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ ครับ
05646 อธิษฐานขอถึงนิพพาน จะเป็นบารมีไหม
01747 การทำบุญโดยไม่อธิษฐาน
01251 การขอกับการอธิษฐานต่างกันอย่างไร
00862 การอธิษฐาน การอ้อนวอน
00763 เวลาผมใส่บาตร ผมจะอธิษฐานก่อน ว่า...
00758 อธิษฐาน แตกต่างจากสาบานหรือไม่ อย่างไร
00332 อธิษฐาน คืออะไร ทำไมโหราศาสตร์จึงทราบอนาคต
03325 การตั้งจิตอธิฐานถือเป็นบารมีหรือไม่