การเกิดเป็นมนุษย์ยาก
โดย chatchai.k  10 พ.ย. 2566
หัวข้อหมายเลข 46940

สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ปฐมฉิคคฬสูตรที่ ๗ มีข้อความแสดงว่า

การเกิดเป็นมนุษย์ยาก อุปมาเหมือนคนโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไป ในมหาสมุทร เต่าตาบอดที่อยู่ในมหาสมุทรนั้น ล่วง ๑๐๐ ปีถึงจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่ง และเมื่อล่วงร้อยๆ ปีจึงจะโผล่ขึ้นมาคราวหนึ่งนั้น การที่เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวนั้นได้บ้างก็เฉพาะในบางครั้งบางคราวเท่านั้น

นี่คือความยากของการเกิดเป็นมนุษย์

ส่วนข้อความใน ทุติยฉิคคฬสูตรที่ ๘ ยิ่งแสดงความยากกว่านั้น โดยอุปมาว่า

ไม่ใช่แต่ในมหาสมุทรเท่านั้น แต่มหาปฐพี คือ แผ่นดินระหว่างจักรวาล ก็ยังมีน้ำเต็มหมด เมื่อโยนแอกที่มีช่องเดียวลงแล้ว ลมทิศตะวันออกยังพัดแอกนั้นไป ทางทิศตะวันตก ลมทิศตะวันตกก็พัดแอกนั้นไปยังทิศตะวันออก ส่วนลมทิศเหนือ ก็พัดแอดนั้นไปทางทิศใต้ และลมทิศใต้ก็พัดแอกนั้นไปทิศเหนือ ล่วงร้อยๆ ปี เต่าถึงจะโผล่ขึ้นมาคราวหนึ่ง ถ้าแอกนั้นยังไม่เน่า และน้ำในทะเลยังไม่แห้ง การที่เต่านั้นจะโผล่ขึ้นมาสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวได้นั้นเป็นการยากยิ่ง

ซึ่งข้อความตอนท้ายของพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลาย การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองในโลก ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำ ความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธ-คามินีปฏิปทา

พระผู้มีพระภาคทรงโอวาทพระภิกษุในสมัยเมื่อประมาณ ๒,๕๓๒ ปีมาแล้ว คือ ในยุคสมัยที่พระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคทรงประกาศแล้วรุ่งเรืองในโลก ต่างกับกาลสมัยที่พระพุทธศาสนาได้ผ่านมาถึง ๒,๕๓๒ ปี

ข้อความตอนท้ายใน อรรถกถา ทุติยฉิคคฬสูตร มีว่า

ก็การแสดงธรรมและวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศแล้ว ชื่อว่าเป็นเหตุเกิด ที่ยากยิ่งกว่า

คือ ยากยิ่งกว่าการที่จะเกิดเป็นมนุษย์

ต่อจากนั้นมีข้อความว่า

ก็การแทงตลอดสัจจะ ๔ พึงทราบว่า เป็นเหตุเกิดที่ยากยิ่งกว่าอย่างยิ่ง

แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของการอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และก็เกิดดับอยู่แม้ในขณะนี้เอง ซึ่งทุกคนก็ฟังเรื่องของจิต เจตสิก รูปโดยนัยต่างๆ ไม่ว่าจะโดยพระอภิธัมมัตถสังคหะ หรือโดยนัยของพระสูตร ก็เพื่อรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดในขณะนี้นั่นเองเพราะฉะนั้น ตราบใดที่สติสัมปชัญญะยังไม่ระลึกลักษณะของสภาพธรรม ตรงตามที่ได้ศึกษา ก็ต้องมีการแสดงธรรม มีการสนทนาธรรม เพราะนับวันจะหา ผู้ที่แสดงพระธรรมตรงตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วยากขึ้นๆ ซึ่งทุกคนก็ เห็นได้ ทั้งนี้เพราะความละเอียดและความลึกซึ้งของพระธรรมที่จะต้องอาศัยความอดทนหลายอย่าง ทั้งในการศึกษา ในการฟัง ในการพิจารณาธรรม โดยเฉพาะต้อง รู้จุดมุ่งหมายว่า เพื่อการละคลายและการขัดเกลากิเลสของตนเอง ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น

และเมื่อศึกษาพระธรรมเข้าใจแล้ว ทุกท่านก็มีความอดทนที่จะเจริญกุศลทั้ง ในการแสดงธรรม ในการสนทนาธรรม เกื้อกูลบุคคลอื่นตามกาลที่สมควรทุกโอกาส

มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ท่านเดินทางไปที่หนึ่ง และระหว่างที่อยู่ในรถไฟก็ได้คุยกับผู้โดยสารที่นั่งใกล้ๆ ซึ่งอายุยังไม่มาก ผู้โดยสารท่านนั้นก็พูดจา เป็นเรื่องของกรรม เรื่องของธรรม และในที่สุดก็ได้ถามท่านผู้นั้นว่า ฟังรายการแนวทางเจริญวิปัสสนาหรือเปล่า

แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีการฟังและเข้าใจธรรมแล้ว ทุกโอกาสสามารถที่จะ เกื้อกูลบุคคลอื่น โดยอาจจะกล่าวถึงเรื่องของกรรม เรื่องของธรรม จนกระทั่งเห็นว่า ควรจะสนทนากันด้วยเรื่องที่ละเอียดขึ้น โดยไม่ได้มุ่งว่าจะต้องเป็นผู้แสดงธรรม แต่เมื่อรู้ว่าประโยชน์ของการแสดงธรรม การสนทนาธรรมมี ก็จะมีกุศลที่จะเกื้อกูลบุคคลอื่นในกาลต่างๆ


ที่มา ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1900



ความคิดเห็น 1    โดย ทรงศักดิ์  วันที่ 11 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ