คุณและโทษของขันธ์ ๕
โดย pirmsombat  13 พ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 5518

ว่าด้วยคุณและโทษของขันธ์ ๕

[๑๒๗] ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นคุณเป็นโทษ

เป็นทางสลัดออกในรูป อะไรเป็นคุณ เป็นโทษ เป็นทางสลัดออกในเวทนา

อะไรเป็นคุณเป็นโทษ เป็นทางสลัดออกในสัญญา อะไรเป็นคุณเป็นโทษ

เป็นทางสลัดออกในสังขาร อะไรเป็นคุณ เป็นโทษ เป็นทางสลัดออกในวิญญาณ.

พ. ดูก่อนภิกษุ อาการที่สุขโสมนัสอาศัยรูปเกิดขึ้น นี้เป็นคุณใน

รูป อาการที่รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็น

โทษในรูป อาการที่กำจัดฉันทราคะละฉันทราคะในรูปได้ นี้เป็นทางสลัด

ออกในรูป อาการที่สุขโสมนัสอาศัยเวทนาเกิดขึ้น นี้เป็นคุณในเวทนา อาการ

ที่เวทนาไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษใน

เวทนา อาการที่กำจัดฉันทราคะ ละฉันทราคะในเวทนาได้ นี้เป็นทางสลัด

ออกในเวทนา อาการที่สุขโสมนัสอาศัยสัญญาเกิดขึ้น นี้เป็นคุณในสัญญา อาการ

ที่สัญญาไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษในสัญญา

อาการที่กำจัดฉันทราคะละฉันทราคะในสัญญาได้ นี้เป็นทางสลัดออกในสัญญา

อาการที่สุขโสมนัสอาศัยสังขารเกิดขึ้น นี้เป็นคุณในสังขาร อาการที่สังขารไม่

เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษในสังขาร

อาการที่กำจัดฉันทราคะละฉันทราคะในสังขารได้ นี้เป็นทางสลัดออกในสังขาร

อาการที่สุขโสมนัสอาศัยวิญญาณเกิดขึ้น นี้เป็นคุณในวิญญาณ อาการที่วิญ-


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 174

ญาณไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษในวิญ-

ญาณ อาการที่กำจัดฉันทราคะ ละฉันทราคะในวิญญาณได้ นี้เป็นทางสลัด

ออกในวิญญาณ.

...................................


ขันธ์แรก คือ รูปขันธ์ ที่เป็นขันธ์เพราะเกิดดับ เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ดับหมดสิ้นเลยไม่มีเหลือ รูปเมื่อเด็กๆ พอโตขึ้นหารูปเก่าไม่พบเลย นี่เป็นความหมายของขันธ์ทุกขันธ์เกิดแล้วดับจึงเป็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต หยาบ ละเอียด ไกล้ ไกล ประณีตแยกออกไปอีก 11 ข้อ ซึ่งไม่จำเป็นต้องจำหมด เราใช้หลักเพียงเกิด ดับ สี่งนั้นเป็นขันธ์

รูป เป็นขันธ์ ๑ ใน ๕ ขันธ์พูดถึงรูปขันธ์ก่อนเพราะ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนติดรูปขันธ์ไม่มีใครเลยจะไม่ติด ทางตาเสาะแสวงหา รูปสวยๆ อะไรก็ตามผ่านมาติดหมดเลยเสียง กลิ่น รส สี่งที่กระทบสัมผัส ก็ติดๆ หมดเลย เพราะโลภะมีหน้าที่ติด สี่งที่ทุกคนติดนี่ไม่เที่ยงเลย ขณะที่มันเกิดแล้วดับ อวิชชานี้ไม่รู้จริงๆ ในการเกิดดับ พบอะไรโลภะติดทันที ต้องการรูปขันธ์ก็เพื่อสุขเวทนาเท่านั้นเอง เวทนาตัวรู้สึกนี่สำคัญมากถ้าไม่มีความรู้สึก เห็นแล้วก็แล้วไป ก็ไม่มีความต้องการอะไร แต่พอเห็นแล้วรู้สึกเป็นสุข ทำให้ทุกคนที่รู้สึกเป็นสุขเรี่มแสวงหา การแสวงหานี้นำมาซึ่งความทุกข์ต่างๆ มากมายพร้อมทั้งการติดข้องต้องการ ไม่มีพอ นี้เป็นเวทนาขันธ์ ส่วนสัญญาขันธ์สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ ก็ทำนองเดียวกัน เกิดแล้วดับทันที ทุกคนอยู่ในโลกที่มีขันธ์ ๕ และมีโลภะด้วย ซึ่งเกิดจากความไม่รู้ การที่จะละโลภะ หรือ ฉันทราคะได้ก็โดยการรู้ คือ ปัญญา ปัญญาจะเกิด จะเจริญได้ ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม การอบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่จะไปฝืนว่าจะไม่รัก จะไม่ชอบ จะไม่ติด ยิ่งเป็นอวิชชามากขึ้นเพราะการไม่รู้ความจริงคิดว่าจะบังคับได้ ซึ่งเป็นสี่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ครับ



ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 14 พ.ย. 2550
ขออนุโมทนา...ที่ยกข้อความในพระไตรปิฎกที่เป็นพระพุทธพจน์ให้ได้อ่านกันครับ