ถ้าเป็นผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมทางพระพุทธศาสนา ย่อมจะเป็นผู้มีความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลแต่ละคน หรือแม้กระทั่งเกิดกับตัวเราเอง ไม่ว่าดีหรือร้าย น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนาก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะกรรมที่เคยได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครทำให้เลย ดังนั้น ถ้าไม่มีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ผลที่จะเกิดย่อมมีไม่ได้ แต่เพราะมีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อได้โอกาสที่กรรมจะให้ผล ผลจึงเกิดขึ้น เมื่อมีความเข้าใจอย่างนี้ ก็จะทำให้หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ต่างๆ น้อยลง รวมไปถึงจะไม่โทษคนอื่นด้วย ดังนั้น คำตอบที่ชัดเจนในเรื่องของมือที่มองไม่เห็นจึงหมายถึง กรรม ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ปกปิด โดยที่ไม่สามารถจะรู้ได้ว่ากรรมใดจะให้ผลเมื่อไร
อนุโมทนาคะ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
รู้สึกดี สบายใจจัง เมื่ออ่านจบ
ขออนุโมทนา
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า่ ...เราก็คงไม่ได้ทราบความจริงในข้อนี้ได้เลย
ขอกราบอนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ มีความรู้สึกดีขึ้นมากโดยเฉพาะในยามที่ประสบความเศร้าโศกสูญเสียและเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ