[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 250
เถราปทาน
สกจิตตนิยวรรคที่ ๗
ปรัปปสาทกเถราปทานที่ ๔ (๖๔)
ว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 250
ปรัปปสาทกเถราปทานที่ ๔ (๖๔)
ว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญ
[๖๖] ใครได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้องอาจ ผู้ประเสริฐ ผู้ แกล้วกล้า ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงชนะวิเศษ มีพระฉีวรรณ ดังทองแล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า.
ใครเห็นพระฌานของพระพุทธเจ้า อันเปรียบเหมือน ภูเขาหิมวันต์อันประมาณไม่ได้ ดังสาครอันข้ามได้ยาก แล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า ใครเห็นศีลของพระพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบ เหมือนแผ่นดินอันประมาณมิได้ ดุจมาลัยประดับศีรษะอัน วิจิตรฉะนั้นแล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า.
ใครเห็นพระญาณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบดังอากาศ อันไม่กำเริบ ดุจอากาศอันนับไม่ได้ฉะนั้นแล้ว จะไม่เลื่อมใส เล่า.
พราหมณ์ชื่อว่าโสนะ ได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ไม่ทรงแพ้อะไร ด้วยคาถา ๔ คาถานี้แล้ว ไม่ได้เข้าถึงทุคติเลย ตลอด ๙๔ กัป เราได้ เสวยสมบัติอันดีงามมิใช่น้อยในสุคติทั้งหลาย.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราสรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้นำของ โลกแล้ว ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ.
ในกัปที่ ๑๔ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ครั้ง ผู้สูงศักดิทรงสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพละมาก.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 251
คุณสมบัติเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปรัปปสาทกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.
จบปรัปสาทกเถราปทาน
๖๔. อรรถกถาปรัปปสาทกเถราปทาน
อปทานของท่านพระปรัปปสาทกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อุสภํ ปวรํ วีรํ ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระพุทธเจ้าพระนามสิทธัตถะ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ถึงฝั่งแห่ง ไตรเพท ผู้ชำนาญเวยยากรณ์อันเป็นบทแห่งศาสตร์ทั้งหลา มีอิติหาสศาสตร์เป็นที่ ๕ เป็นผู้ชำนาญในมหาปุริสลักษณะอันเป็นศาสตร์แห่งโลก อันปรากฏโดยชื่อว่า เสลพราหมณ์ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ เห็นพระองค์ทรงงดงามด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการและ ด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ มีใจเลื่อมใส จึงประกาศชมเชยด้วยเหตุ หลายอย่าง ด้วยอุปมาหลายอย่าง. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจึงเสวยสมบัติ ชั้นกามาวจร ๖ ชั้น มีเป็นท้าวสักกะและเป็นมารเป็นต้นในเทวโลก เสวยจักรพรรดิสมบัติในมนุษยโลก บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่งซึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 252
สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้วไม่นานนักก็บรรลุปฏิสัมภิทา ๔ อภิญญา ๖ ได้เป็นพระขีณาสพ. เพราะการชมเชยพระพุทธเจ้า เป็นเหตุกระทำความเลื่อมใสแห่งจิตของ สัตว์ทั้งปวง ท่านจึงปรากฏนามว่า ปรัปปสาทกเถระ ดังนี้.
วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศ ปุพพจริตาปทานของตน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อุสภํ ปวรํ วีรํ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุสภํ ความว่า ผู้เป็นโคผู้ผู้ประเสริฐสุด ๔ คือ วสภะ, นิสภะ. วิสภะ, อาสภะ ใน ๔ ตัวนั้น โคผู้ประเสริฐกว่า โค ๑,๐๐๐ ตัว ชื่อว่าวสภะ, ผู้ประเสริฐกว่าโค ๑,๐๐๐ ตัว ชื่อว่า นิสภะ, ผู้ประเสริฐกว่า ๑๐,๐๐๐ ตัว ชื่อว่าวิสภะ, และผู้ประเสริฐกว่าโค ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิตัว ชื่อว่าอาสภะ, พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิต ผู้มีพระพุทธพจน์อันสดับแล้วมาก เมื่อจะกล่าวชมเชยท่านผู้ใดผู้หนึ่ง จึงกระทำ การชมเชยด้วยปัญญาของตนๆ แต่ผู้สามารถจะชมเชยพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย โดยอาการทั้งปวงย่อมไม่มี. เพราะพระพุทธเจ้ามีพระคุณ ประมาณไม่ได้. สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้มีอาทิว่า
แม้พระพุทธเจ้า พึงกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า หากแม้ สรรเสริญอยู่ กัปอื่นๆ ฟังสิ้นไปในระหว่างอายุกาลนาน การ สรรเสริญพระคถาคตหาสิ้นไปไม่.
พราหมณ์แม้นี้ เมื่อควรกล่าว อาสภํ ด้วยอำนาจการคล่องปาก ด้วยการเลื่อมใสโดยส่วนเดียว จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อุสภํ ดังนี้. ชื่อว่า วระ เพราะอรรถว่า บุคคลพึงปรารถนา คือพึงอยากได้. ชื่อว่า วีระ เพราะ ได้บำเพ็ญเพียรมาแสนกัปมิใช่น้อย. ชื่อว่า มเหสี เพราะค้นหา คือ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 253
แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่มีศีลขันธ์เป็นต้น. ซึ่งผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ คือพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น. ชื่อว่า วิชิตาวี เพราะชนะมารมีกิเลสมาร และขันธมารเป็นต้น โดยพิเศษ. ซึ่งผู้ชำนะพิเศษคือพระสัมพุทธเจ้านั้น วรรณะของพระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่งทอง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่าผู้มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่ง ทอง. สัตว์ชื่อไรเล่า เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่ง ทองนั้นย่อมไม่เลื่อมใสแล.
จบอรรถกถาปรัปปสาทกกกเถราปทาน