พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 56
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยกำลังเหล่าใด ย่อมปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัทกำลังของตถาคตมี ๑๐ ประการนี้ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือการกระทำทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามเป็นจริงดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือการกระทำที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามที่เป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท. ฯลฯ บทว่า กมฺมสมาทานานํ ได้แก่ ของกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่บุคคลยึดถือกระทำแล้ว อีกอย่างหนึ่งกรรมนั้นแล ชื่อว่ากรรสมาทาน.บทว่า ฐานโส เหตุโส แปลว่า โดยความเป็นปัจจัย และโดยความเป็นเหตุ. ก็ในกรรมสมาทานนั้น กถากล่าวถึงญาณนี้โดยพิสดารว่ากรรมเป็นเหตุแห่งวิบาก เพราะคติ อุปธิ กาล และปโยคะ มาแล้วในอภิธรรม โดยนัยเป็นต้นว่า กรรมสมาทานฝ่ายอกุศลบางเหล่ามีอยู่ ห้ามคติสมบัติ จึงไม่ให้วิบาก. บทว่า สพฺพตฺถคามินึ ได้แก่ ที่ให้ถึงคติทั้งปวง และที่ไม่ให้ถึงคติ. บทว่า ปฏิปทํ ได้แก่ มรรค. บทว่า ยถาภูตํ ปชานาติ ความว่าเมื่อมนุษย์แม้เป็นอันมาก ฆ่าสัตว์ตัวเดียวเท่านั้น เขาย่อมรู้ชัดถึงสภาพของการปฏิบัติทั้งหลาย กล่าวคือกุศลเจตนาและอกุศลเจตนา ในวัตถุ อันเดียวกันโดยไม่ผิด ตามนัยนี้ว่าผู้นี้จักมีเจตนาไปนรก ผู้นี้จักมีเจตนาไปกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน. อนึ่ง กถากล่าวถึงญาณนี้โดยพิสดารมาแล้วในอภิธรรมเหมือนกัน โดยนัยเป็นต้นว่า บรรดาญาณเหล่านั้น ญาณที่รู้ปฏิปทาไปในคติทั้งปวงตามเป็นจริงของตถาคตเป็นไฉน พระตถาคตในโลกนี้ ย่อมทรงรู้ชัดว่านี้มรรค นี้ไม่ใช่มรรค นี้ปฏิปทาที่ให้ไปนรกดังนี้.
สาธุ