ผมขอรบกวนสอบถามเรื่องความหมายของคำว่า "อนัตตา" ครับคือว่า ตอนนี้ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์หัวข้อเกี่ยวกับพุทธเศรษฐศาสตร์ หลังจากนำเสนอรายงานรอบแรกคณะกรรมการไม่ยอมรับความหมายของคำว่า อนัตตา ที่ว่า "ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้" โดยแย้งว่า อนัตตา หมายถึง "ไม่มีตัวตน" เท่านั้น ผมพยายามเสนอไปว่า "ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้" ก็เป็นอีกความหมายหนึ่งของอนัตตา เพราะเหตุว่า ไม่มีตัวตน แต่ก็ไม่เป็นผล ยังไม่ยอมรับอยู่ดีการเปลี่ยนความเห็นของผู้อื่น นี่ยากจริงๆ เลยนะครับผมอยากจะรบกวนท่านผู้รู้ในบอร์ดนี้ ขอ link หลักฐานอ้างอิงจากพระไตรปิฎกหรืออรรถกถา ที่แสดงว่า อนัตตา หมายถึง "ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจ" ด้วยครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 305
บทว่า สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ความว่า ธรรมทั้งหลายที่เป็นไป ในภูมิ ๔ ทั้งหมด เป็นอนัตตา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 172
อัสสาสะปัสสาสะ - ลมหายใจเข้าออก ย่อมตกแต่งกาย ฉะนั้นจึงชื่อว่า กายสังขาร. สัญญาด้วย เวทนาด้วย ย่อมตกแต่งจิต ฉะนั้น จึงชื่อว่า จิตตสังขาร. แต่ในที่นี้ท่านประสงค์เอา สังขตสังขาร. ชื่อว่า อนิจจา - ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วกลับไม่มี ชื่อว่า ทุกขา - เป็นทุกข์ เพราะอรรถว่า เบียดเบียน.
คำว่า สพฺเพ ธมฺมา - ธรรมทั้งปวง ท่านกล่าวรวมเอาพระนิพพานเข้าไว้ด้วย ชื่อว่า อนัตตา เพราะอรรถว่า ไม่เป็นไปในอำนาจ
โดยมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันที่ : 08-02-2550
ความหมาย อนัตตา อรรถกถาวิภังค์ท่านอธิบายไว้ดังนี้
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 172
อนึ่ง จักขุนั้น ชื่อว่า เป็นอนัตตา ด้วยอรรถว่าไม่เป็นไปในอำนาจ.อีกอย่างหนึ่ง ความที่จักขุนั้นเป็นไปในอำนาจของใครๆ ในฐานะ ๓ เหล่านี้คือ จักขุนี้เกิดขึ้นแล้วขอจงอย่าถึงการตั้งอยู่ ถึงการตั้งอยู่แล้ว จงอย่าแก่ ถึงการแก่แล้ว จงอย่าแตกดับ ดังนี้ หามีได้ไม่ เป็นของสูญไปจากอาการที่เป็นไปในอำนาจนั้น เพราะฉะนั้น จักขุนั้น จึงชื่อว่า เป็น อนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ โดยความเป็นของสูญ ๑ โดยความไม่มีเจ้าของ ๑ โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑ โดยปฏิเสธต่ออัตตา ๑
โดย : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันที่ : 02-04-2550
การเปลี่ยนความเห็นของผู้อื่น นี่ยากจริงๆ เลยนะครับไม่ว่าเขาจะขัดแย้งด้านความคิดกับเราอย่างไรก็ตาม ก็ควรที่จะเมตตาเขาครับ เพราะแม้แต่ความคิดที่เกิดกับจิตของเราแต่ละขณะ ก็ไม่ใช่ของเราเลย ตัวเราจะเปลี่ยน หรือกำหนดความคิดแต่ละขณะว่าให้คิดดีๆ ห้ามคิดไม่ดีเกิด...ก็ห้ามไม่ได้ ความคิดก็อยู่นอกเหนือไปจากอำนาจที่จะบังคับบัญชา ไม่มีตัวตน ถ้าสติเกิด ปัญญาก็จะเห็นถูกว่า การคิดทางใจนี้ก็เป็น "อนัตตา" เช่นกันครับ
ชนะใจผู้อื่นร้อยครั้งไม่เท่าชนะใจตนเองครั้งเดียว สัพเพ สัตตา อะเวรา... อัพพยา... อะนีคา ...สุขี อัตตานัง ปะริหะรังตุ สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ....ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร
[๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายรูปเป็นอนัตตา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา ฉะนั้น รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิดรูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
เวทนาเป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้น เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธและบุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. สัญญาเป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้น เลย. สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของ เราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. วิญญาณเป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าไว้เป็นอย่างนั้นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลไม่ได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ
สาธุครับ