เป็นอย่างไร .. คลิกที่นี่
แต่วาระของวิถีจิต คือ จิตแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ ถ้าจิตที่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เราใช้คำว่า “วิถีจิต” คือจิตที่จะต้องอาศัยทวารหนึ่งทวารใดหรือทางใดทางหนึ่งเกิดขึ้น เช่น ทางตาในขณะนี้ ที่จิตกำลังเห็น ถ้าไม่มีตาจะไม่มีจิตเห็นเลย แต่เราคิดว่าจิตเห็นขณะเดียว แต่พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตั้งแต่เริ่มที่สีกระทบจักขุปสาทแล้วกระทบจิต
นี่แสดงให้เห็นว่า ขณะนั้นยังไม่มีการเห็น แสดงให้เห็นจริงๆ กว่าจะมีการเห็นที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ จะต้องมีจิตเกิดทางนั้นกี่ครั้ง กี่ขณะ ซึ่งตลอดทั้งหมดที่กำลังเห็นชื่อว่า วาระหนึ่งที่รู้สีที่ปรากฏทางตา ถ้าเป็นทางหู เวลาที่เสียงกระทบกับโสตปสาท คือกระทบตัวหูซึ่งเป็นรูปที่สามารถจะกระทบเสียงได้ ขณะนั้นพระผู้มีพระภาคทรงแสดงความละเอียดตั้งแต่เสียงกระทบกับหู กระทบกับจิต ซึ่งยังไม่ทันได้ยินเสียง แต่ต้องมีจิตเกิดก่อนเสียงกระทบหู ใช่ไหมคะ อย่างเวลานี้เงียบ มีจิตเกิดดับ แล้วก็มีเสียงกระทบหู เพราะฉะนั้นเวลาที่เสียงกระทบหูจิตจะอาศัยหูเป็นทางที่จะรู้เสียง ตลอดเวลาที่จิตเกิดดับ โดยอาศัยหูเป็นทางรู้เสียง เสียงหนึ่งมีอายุ ๑๗ ขณะของจิต จิตที่เกิดดับรู้เสียงโดยอาศัยหูตลอดเวลานั้น กี่ขณะก็ตาม ชื่อว่า วาระ ๑ วาระ ๑ ซึ่งมีการรู้อารมณ์ทางหู หรือว่าทางตา ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ ก็โดยนัยเดียวกัน
ขออนุโมทนาคุณเงี่ยโสตลงฟัง
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ