ก็เคยทำธรรมทานหลายๆ อย่าง แต่ทำมานานก่อนเจอบ้านธัมมะ จึงรู้ เลยว่าที่ผ่านมาทำวัตถุทานเสียส่วนใหญ่ เพราะแจกหนังสือ แจกซีดี แต่ เนื้อหาไม่ใช่คำสอนถูกทางจริงๆ
เคยค้นไปอ่านกระทู้เก่าๆ ของบ้านธรรมะ มีผู้มาโพสต์บอกว่า ยุคนี้ คนกิเลสหนา ปัญญาน้อย อภิธรรมจะค่อยๆ เสื่อมสูญในยุคพันปีที่ 3 (ก็ยุคพวกเรา นี้) ก็เลยคิดดูว่า สมัยนี้โครงการเผยแพร่พระพุทธศาสนามีมากมายและมีคน หันมาทุ่มทุน ทุ่มเทกันมาก มีนักเขียนหนังสือธรรมะเกิดขึ้นเยอะมาก หนังสือธรรมะก็โด่งดังและยอดขายดีมาก ยุคนี้เห็นเริ่มอ่านกันตั้งแต่เด็ก แต่ก็สะดุดตรงข้อความที่ว่า "ไม่ใช่กาลสมัยที่จะจรรโลงโลกทั้งใบให้เกิด ปัญญาได้ ทำได้แค่ให้ตนเองศึกษาให้เข้าใจ และบอกต่อคนที่สนใจจะศึกษา เท่านั้น"
แบบนี้น่าจะหมายถึงว่า ธรรมทานในยุคนี้จำเป็นต้องปรับให้ง่ายเหมาะกับ ยุคสมัยจริงๆ หรือ เห็นมีพระดังๆ ท่านก็ว่าอย่างนั้น แต่เราก็ตะขิดตะขวงใน ใจว่า ตกลงต้องทำให้ง่ายตามยุ หรือไม่ควรทำเพราะเดี๋ยวจะเหมือนพระ สูตรที่พระพุทธองค์เปรียบธรรมวินัยเหมือนกลอง (รบกวนช่วยยกข้อความใน พระไตรปิฎกมาอ้างอิงทีค่ะ หาไม่เจอ)
แล้วก็เลยมีความคิดว่า ต่อไปนี้สื่อธรรมะอะไรที่ดังๆ แล้วนำคนให้สนใจ มากๆ ในยุคนี้ น่าจะมีส่วนทำให้พระสัทธรรมเสื่อมสูญด้วยหรือเปล่า คือ พยายามลบของเดิม ปรับเปลี่ยนของเดิม ทำให้ง่าย เรียบเรียงใหม่ และมีความคลาดเคลื่อน บอกต่อคนเยอะๆ เน้นปริมาณคนเข้ามาจัดตั้งกลุ่ม ด้วยเหตุผลว่าอยากให้คนสนใจธรรมะเยอะๆ ทั้งโลกได้ยิ่งดี แต่ตามยุคสมัย น่าจะ ไม่ใช่กาละ ที่จะคนส่วนใหญ่จะสนใจพระธรรมที่ถูกต้อง
ที่เขียนไปนี้ ระบายความคิดของตนเองให้ท่านอ่านดูค่ะ ยุคสมัยนี้ ธรรมทานน่าจะไม่ใช่กาละที่จะทำด้ง่ายๆ หรือแพร่หลาย ยิ่งทำถูกต้องยิ่งหาคน สนใจยาก น่าจะเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ
การเจอผู้ที่มีวาสนาที่ฟังเราพูดแนะนำแล้วหันมาสนใจศึกษาธรรมที่ถูก ต้อง นี่คงเป็นโชคดีมากที่ได้ทำธรรมทานที่ถูกต้อง
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกของท่าน การเผยแพร่ธรรมที่ไม่ถูกต้องชื่อว่า เป็นการทำลายศาสนา เพราะธรรมที่เผยแพร่นั้นเป็นสัทธรรมปฏิรูป คือ ไม่ใช่พระสัทธรรม แต่เหมือนหรือคล้าย เมื่อเผยแพร่ออกไปคนย่อมสำคัญผิดว่า เป็นพระสัทธรรมทำให้พระสัทธรรมเลือนหาย โปรดอ่านข้อความจากพระสูตร
ขอเชิญคลิกอ่าน ...
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
ขอเชิญคลิกอ่าน ...
อาณีตสูตร ว่าด้วยการตอกลิ่ม
ขอให้มีศรัทธา มีสติ และวิริยะในการศึกษาธรรมะให้เข้าใจอย่างถ่อง แท้ น้อมระลึกศึกษาในสภาพธรรมก็จะเป็นปัจจัยให้มีความเห็นถูกต้องขึ้น (สัมมา ทิฏฐิ) โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นในปัญญานั้น แล้วอาศัยความรู้ ความเห็นถูกนี้ ถ่าย ทอดแก่ผู้ที่สนใจตามความเหมาะสมและตามโอกาสอันควร ซึ่งเป็นหน้าที่ของ พุทธบริษัทที่จะช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป เป็นกำลังใจให้นะครับ
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ ยุคสมัยนี้ เป็นยุคของผู้มีปัญญาน้อย นิยมน้ำตาลเคลือบ พบใครมี ความสนใจในธรรมะ ก็จะรีบเข้าไปป้อยอ หลอกลวง ยกย่องให้เกียรติเป็นผู้รู้ ตามมาด้วยส่งเสริมให้เขียนหนังสือแนะนำธรรมะ (ที่อาจจะเป็นธรรมะที่เข้าใจ มาอย่างผิดๆ) แก่คนอื่น ออกขายรับทรัพย์กันไป ร่วมด้วยช่วยกันตกนรก โดยนึกว่าได้ช่วยกันเผยแผ่พระศาสนา ได้กระทำธรรมทาน ชอบธรรมะแบบ ฟาสต์ฟู้ด ที่หาซื้อง่าย กินง่าย โง่ไว ติดใจเร็ว อ้วนเร็ว ป่วยเร็ว และลงท้าย ด้วยตายเร็ว ... เร็วดั่งใจนึกจริงๆ เลยล่ะ
ขอผู้ทำกุศลมาดีทั้งหลาย อย่าใจเร็วด่วนได้เลยค่ะ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องถ่องแท้ต่อไป พระธรรมคำสอนของพระ พุทธองค์มิใช่ของง่าย ไม่ใช่สาธารณะ กว่าจะสะสมกุศลมาเพื่อให้มีโอกาสแม้ เพียงได้ศึกษาพระพุทธธรรมคำสอนที่ถูกต้องเพียงประโยคเดียวสั้นๆ ก็ยาก ... มาก ... ยากแสนยาก
และในสมัยปัจจุบัน กว่าจะได้พบ และได้ฟังการเผยแผ่พระธรรมของ พระพุทธองค์โดยไม่แต่งแต้มไม่บิดเบือน กระทำการเผยแผ่ด้วยใจเคารพ นอบน้อม และศรัทธาต่อพระพุทธองค์ เคารพในพระธรรมจริงๆ อย่าง อ.สุ จินต์ ก็นับว่าเป็นบุคคลหายากมากอีกเหมือนกันค่ะ
ขออนุโมทนาครับ