พระอรหันต์ ท่านหมดความเห็นผิดว่าเป็นตัวเป็นตน
เวลาทานรับประทานอาหารหรือฉันอาหาร
ท่านจะเกิดความรู้ไหมครับว่าอาหารนี้รสชาติดี
อาหารนี้รสชาติไม่ดี อันนี้สวย อันนี้ไม่สวย
(แบบรู้เพราะเมื่อก่อน เคยรู้สึกสวยไม่สวยมาก่อนตอนยังมีกิเลส)
หรือว่าพระอรหันต์จะรู้เพียงแค่เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม
แต่ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่าอันนี้อร่อย อันนี้ไม่อร่อย
อันนี้รสชาติดี อันนี้รสชาติไม่ดี
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ไม่หวั่น ไม่ว่าจะประสบกับสิ่งใดก็ตาม ดังนั้น จากประเด็นคำถาม ก็พิจารณาได้ว่า ไม่ว่าจะพระอรหันต์ หรือ ใครก็ตาม ที่ได้ลิ้มรส ไม่ว่าจะเป็นรสที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ หรือ ไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ ก็ตาม ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลง ความเป็นจริงรสนั้นๆ ไม่ได้
การที่จะได้รับสิ่งที่น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนานา นั้น เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็หวั่นไหวไปด้วยความติดข้องบ้าง ด้วยความไม่พอใจบ้าง แต่สำหรับพระอรหันต์แล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะประสบกับสิ่งใดก็ตาม
พระอรหันต์ บริโภคอาหารที่ประณีต มีรสอร่อย มีไหม? มี แต่ท่านไม่เป็นไปกับด้วยกิเลสใดๆ เลย
ข้อความใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑-หน้าที่ ๕๘๔ แสดงความเป็นจริงของพระอรหันต์ ดังนี้
"พระอรหันต์ ชื่อว่า เป็นผู้คงที่ ในอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ดี) และอนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่ดี) อย่างไร พระอรหันต์ เป็นผู้คงที่แม้ในลาภ แม้ในความเสื่อมลาภ แม้ในยศ แม้ในความเสื่อมยศ แม้ในสรรเสริญ แม้ในนินทา แม้ในสุข แม้ในทุกข์ หากว่า ชนทั้งหลายพึงลูบไล้แขนข้างหนึ่งแห่งพระอรหันต์ด้วย เครื่องหอม พึงถากแขนข้างหนึ่งด้วยมีด พระอรหันต์ย่อมไม่มีความยินดีในการลูบไล้ด้วยเครื่องหอมโน้น และไม่มีความยินร้ายในการถากด้วยมีดโน้น เป็นผู้ละการยินดียินร้ายเสียแล้ว เป็นผู้ล่วงเลยการดีใจและการเสียใจแล้ว เป็นผู้ก้าวล่วงความยินดีความยินร้ายเสียแล้ว พระอรหันต์ ชื่อว่า เป็นผู้คงที่ ในอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ อย่างนี้"
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
อนุโมทนาสาธุครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ