Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
๙. เทวตาสูตร
ว่าด้วยผลแห่งการต้อนรับบรรพชิต เป็นต้น
จาก ... พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๗๗๒
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๗๗๒
๙. เทวตาสูตร
ว่าด้วยผลแห่งการต้อนรับบรรพชิต เป็นต้น
[๒๒๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ในราตรีนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาเป็นอันมาก มีผิวพรรณงดงาม ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้น ให้สว่างไสว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์ทั้งหลายเมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ แต่ไม่กราบไหว้ ข้าพระองค์เหล่านั้นมีการงานยังไม่บริบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้า-พระองค์ทั้งหลายเมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ แต่ไม่ให้อาสนะ ข้าพระองค์เหล่านั้นมีการงานไม่สมบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลาย เข้ามายังเรือนของข้า-พระองค์ทั้งหลาย เมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อนข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้และให้อาสนะ แต่ไม่แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์ทั้งหลายเมื่อยังเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ให้อาสนะ และแบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง แต่ไม่เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม ฯลฯ ... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง และเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม แต่ไม่เงี่ยโสตลงสดับธรรม ฯลฯ ... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง และเงี่ยโสตลงสดับธรรม แต่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ ฯลฯ ... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ. แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง เงี่ยโสตลงฟังธรรม และฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ ฯลฯ ... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ แต่หารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ ข้า-พระองค์เหล่านั้นมีการงานไม่บริบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์ทั้งหลายเมื่อยังเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ให้อาสนะ แบ่งปันสิ่งของให้ตามสามารถ ตามกำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมเงี่ยโสตลงสดับธรรม ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ และรู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ข้าพระองค์เหล่านั้นมีการงานบริบูรณ์ ไม่มีความกินแหนงใจ ไม่มีความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นประณีต
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่ง อย่าประมาทเลย อย่ามีความเดือดร้อนใจในภายหลัง เหมือนเทวดาพวกต้นๆ เหล่านั้น.
จบ เทวตาสูตรที่ ๙
อรรถกถาเทวตาสูตรที่ ๙
เทวตาสูตรที่ ๙ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. บทว่า วิปฺปฏิสารินิโย ความว่า ข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงความเดือดร้อนคือ ความเป็นผู้เก้อเขิน. บทที่ หีนํ กายํ ความว่า หมู่เทวดาชั้นต่ำท่านเรียกว่าเลว ก็เพราะอาศัย (คือเมื่อเทียบกับ) เทวโลกชั้นสูง. บทว่า โน จโข ยถาสตฺติยถาพลํ สํวิภชิมฺหา ความว่า ข้าพระองค์ทั้งหลาย ยังไม่แบ่งของให้แก่ท่านผู้มีศีลทั้งหลาย ตามสามารถ คือ ตามสมควรแก่กำลังของตน บริโภคเสียแล้ว.
จบ อรรถกถาเทวตาสูตรที่ ๙
ข้อความโดยสรุป
เทวตาสูตร (ว่าด้วยเทวดา , ว่าด้วยผลแห่งการต้อนรับบรรพชิต เป็นต้น) ------------------------------
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า มีเทวดา ๙ พวก มาเข้าเฝ้ากราบทูลผลแห่งการต้อนรับบรรพชิตผู้มาเรือนของตน เมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ให้พระองค์ทรงทราบ โดยที่เทวดา ๘ พวกแรก กระทำไม่สมบูรณ์ จึงได้เกิดเป็นเทวดาชั้นเลว ส่วนเทดาพวกที่ ๙ กระทำอย่างสมบูรณ์ จึงได้เกิดเป็นเทวดาชั้นประณีต ดังต่อไปนี้
๑. เมื่อบรรพชิตมาเรือนของตน ได้ลุกรับ แต่ไม่กราบไหว้๒. ได้ลุกรับ กราบไหว้ แต่ไม่ให้อาสนะ๓. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แต่ไม่แบ่งปันของให้๔. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ แต่ไม่เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม๕. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม แต่ไม่เงี่ยโสตลงสดับธรรม๖. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมเงี่ยโสตลงสดับธรรม แต่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้๗. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมเงี่ยโสตลงสดับธรรม ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ แต่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้๘. ได้ลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรมเงี่ยโสตลงสดับธรรม ทรงจำธรรมไว้ พิจารณาเนื้อความ แต่หารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่๙. ได้กระทำอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ลุกรับ กราบไหว้ จนถึง ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
แล้วได้ตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า ไม่พึงเป็นผู้ประมาท เหมือนกับเทวดา ๘ พวกแรกที่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"ผลแห่งการต้อนรับบรรพชิต " บรรพชิตในความหมายแห่งพระสูตรนี้ หมายถึงบรรพชิตทุกรูป หรือ เฉพาะบรรพชิตที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเท่านั้นค่ะ ผู้ที่ให้การต้อนรับจึงจะได้ผลดังกล่าวไว้ในพระสูตร ช่วยอนุเคราะห์คำตอบด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สำคัญที่จิตของผู้ต้อนรับเป็นกุศล ในอรรถกถา ท่านไม่ได้แสดงไว้ บรรพชิต คือ
เพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ เปรียบเหมือนฟ้ากับดิน บรรพชิตสูงสุด หมายถึงพระอรหันต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
คุณคำปั่นสรุปได้ดีค่ะ......สั้นๆ เข้าใจง่าย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ