เอาตัวรอด [ตอน ๑ ... หนทางเอาตัวรอดด้วยปัญญา]
โดย เมตตา  17 ส.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 18961

ฟังธรรมเพื่อเข้าใจถูกจริงๆ ว่า ทุกอย่างที่มีจริงที่กำลังปรากฏเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา มิเช่นนั้น ขณะกระทำกุศลก็ยังเป็นเรา เราให้ทาน เรารักษาศีล เราอบรมเจริญสติปัฏ- ฐาน แท้จริงเป็นเพียงการกระทำกิจของของสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นตามเหตุ ปัจจัย มีเราที่ตรงไหน เห็นขณะนี้ เกิดแล้ว ดับแล้ว เราทำเห็นให้เกิดก็ไม่ได้ เห็น สิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็ขุ่นเคืองใจทันที โกรธเกิดขึ้นก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา

บางท่านก็จะหาทางเอาตัวรอดจากอกุศล ไม่ต้องการให้โกรธเกิด ไม่ต้องการให้ ความติดข้องเกิด หาวิธีที่จะไม่ให้โทสะ โลภะ เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นั่นก็เป็นตัว เราที่หาหนทาง ซึ่งไม่มีทางที่จะได้รู้จักธรรมะเลย ไม่มีใครที่จะยับยั้งโทสะ โลภะได้ เลย

แต่ปัญญาเท่านั้น ปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ ในชีวิตประจำวัน เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิด โกรธ ติดข้อง อิจฉา ตระหนี่ ความสำคัญตน ... ว่าเป็นเพียงสภาพธรรม ไม่ใช่เรา โทสะก็เป็นธรรมะ โลภะก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง อะไรจะเกิดก็ไม่หวั่นไหว เพราะว่ามีความเข้าใจว่าทุก อย่างเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้น อะไรจะเกิดขึ้น ปัญญาความเข้าใจเท่านั้นที่จะทำให้ ขณะนั้น ไม่เป็นไปกับอกุศล รักษาจิตไม่ให้ตกไปในฝ่ายอกุศล เอาตัวรอดด้วยกุศล ที่เป็นปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

ขออนุโมทนาค่ะ ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตาด้วยครับ


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย พรรณี  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณเมตตาค่ะ

ทุกอย่างเป็นสภาพธรรม เกิดมีขึ้นตามเหตุและปัจจัย เช่นความโกรธ เมื่อเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่น่าพอใจโกรธก็เกิด ก็จริงตามที่เข้าใจนะคะ แต่อารมณ์ความโกรธขัดเคืองที่เราแสดงออกไปแล้ว เพราะเราคิดว่าถ้าไม่พูดอย่างนี้ไปเขาก็ยังไม่หยุด โกรธมันพุ่งออกไปแล้วจึงมารู้ตัวว่าเราหลงกลกิเลสอีกตามเคย เพราะคนที่ถูกเรากระทบเขาก็หน้าม้านไปคิดแล้วก็เสียใจว่าเราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ในทางตรงกันข้ามถ้าคนที่ถูกเรากระทบเขาไม่ถือสาและให้อภัยเราได้ เราก็คงสบายใจกว่านี้ และก็อาจจะคิดว่าดีแล้วละที่เราได้แสดงอะไรออกไปบ้างเขาจะได้ไม่ทำกับเราอย่างนี้อีก นี่ก็คือความเป็นตัวตนทั้งนั้นเข้าใจค่ะ

แล้วอกุศลจิตที่เกิดรวดเร็วอย่างนี้จะทำให้เบาบางลงได้อย่างไรคะ ดิฉันฟังพระธรรมจากการบรรยายของท่านอาจารย์เกือบทุกวัน


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขอร่วมสนทนากับคุณพรรณีนะค่ะ

แล้วอกุศลจิตที่เกิดรวดเร็วอย่างนี้จะทำให้เบาบางลงได้อย่างไรคะ

ท่านอาจารย์กล่าวเสมอว่า ฟังธรรมก็เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่เราซึ่งก็คือตัวตนที่จะ ไปทำอย่างไรเพื่อไม่ให้โกรธเกิดขึ้น หรือเบาบางลงได้เลย เพราะว่าสภาพธรรมทั้ง หลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย อกุศลจิตที่เกิดรวดเร็วอย่างนี้ ก็เกิดตามการสะสม แม้ แต่คิดว่า แล้วอกุศลจิตที่เกิดรวดเร็วอย่างนี้จะทำให้เบาบางลงได้อย่างไร ก็ตาม การสะสมที่จะคิดเช่นนี้ เพราะฉะนั้นการฟังพระธรรมจึงควรฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่ กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมะก่อน ไม่ใช่จะไปละโทสะ แม้อกุศลอื่นๆ แต่ต้องมีความเห็น ถูก เข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏก่อนว่า ทุกอย่างที่ปรากฏเป็นธรรมะเกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัย เห็นเป็นธรรมะ ได้ยินเป็นธรรมะ ... คิดก็เป็นธรรมะอกุศลจิตที่เกิดไม่ ว่าโลภะ โทสะ มานะ ก็เป็นธรรมะ แม้กุศลจิตที่เกิดขึ้นปรากฏก็เป็นเพียงธรรมะ ไม่ ใช่เรา ไม่มีใครยับยั้งสภาพธรรมต่างๆ ไม่ให้เกิดได้ แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าทุก อย่างที่กำลังปรากฏเป็นเพียงธรรมะ ...

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะคุณพรรณีด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย พรรณี  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตที่คุณเมตตาได้เขียนตอบมาค่ะ ดิฉันเพียงสงสัยว่าหลังจากที่โทสะเกิดแล้วมันยังความเดือดร้อนให้กับทั้งตัวเราเองและผู้ที่เราต้องอยู่ร่วมด้วยการที่อกุศลจะเบาบางลงได้คงไม่มีวิธีนอกจากความเข้าใจว่าเป็นสภาพธรรม และการสะสม อย่างนี้ก็พอจะเข้าใจค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย พรรณี  วันที่ 17 ส.ค. 2554

หลังจากที่เขียนความคิดเห็นที่ 5 แล้วดิฉันได้ฟังเทปจากท่านอาจารย์สุจินต์ชุดพื้นฐาน พระอภิธรรม ตอนที่ 165 เป็นต้นไป ซึ่งก็เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนแล้ว แต่ยังเพียงเป็นแค่ การฟังอยู่เสมอ จะขอเพียรฟังต่อไปค่ะเพราะมีความลึกซึ้งและเห็นยากมากค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย khampan.a  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตา ด้วยครับและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 17 ส.ค. 2554

ขณะที่มีความเข้าใจว่าอกุศลเกิดก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ขณะเดือดร้อนใจก็ ไม่ใช่เรา ขณะที่เข้าใจนั้นความเดือดร้อนใจก็จะคลายลงได้บ้าง เพราะความเข้าใจ และขณะที่ระลึกถึงพระธรรมที่ฟังมาด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเห็นประโยชน์ของ พระธรรม เป็นเหตุให้พิจารณาถูกต้องขึ้นที่จะไม่กระทำสิ่งที่ไม่ควรออกไปตามอำนาจ ของกิเลสเพราะเห็นโทษของความโกรธ เพราะฉะนั้นปัญญาคือความเข้าใจถูกเห็นถูก ทำให้อกุศลค่อยๆ ลดลงได้บ้าง

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 608

อนึ่ง ชื่อว่าขันตินี้ เป็นอาวุธไม่เบียดเบียนคนดี ในเพราะสมบูรณ์ ด้วยคุณสมบัติ เพราะกำจัดความโกรธ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณธรรมไม่มีส่วน เหลือ เป็นเครื่องประดับของผู้สามารถครอบงำผู้อื่นได้. เป็นพลสัมปทาของ สมณพราหมณ์. เป็นสายน้ำกำจัดไฟคือความโกรธ. เป็นเครื่องชี้ถึงความ เกิดแห่งกิตติศัพท์อันดีงาม. เมื่อเป็นมนต์และยาวิเศษระงับพิษคำพูดของคนชั่ว. เป็นปกติของผู้มีปัญญายอดเยี่ยมของผู้ตั้งอยู่ในสังวร. เป็นสาครเพราะ อาศัยความลึกซึ้ง. เป็นฝั่งของมหาสาครคือโทสะ. เป็นบานประตูปิดประตู อบาย. เป็นบันไดขึ้นสู่เทวโลกและพรหมโลก. เป็นภูมิที่อยู่ของคุณทั้งปวง. เป็นความบริสุทธิ์ กาย วาจา และใจ อย่างสูงสุด. พึงมนสิการด้วยประการฉะนี้.

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่ ...

ถ้าโกรธเกิดขึ้นก็รู้ว่าขณะนั้นเป็น สภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรา

ระลึกถึงโทษของความโกรธ [วิสุทธิมรรคแปล]

สำคัญที่ ... น้อมประพฤติปฏิบัติตาม

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย พรรณี  วันที่ 18 ส.ค. 2554

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณเมตตาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย nong  วันที่ 18 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ