ถอดความ (บางตอน) จากการสนทนาธรรมที่บ้านธัมมะ เชียงใหม่
ฟังธรรม : ฟังจากบ้านธัมมะ : ไฟล์ dhamma04271 บ้านธัมมะ กค ๒๕๕๐_๑๕
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อ.สุจินต์ : วันนี้ขอให้คุณนิภัทรให้คำคม เรื่อง ตามมี ตามได้
ขอประทานโทษนะคะ ตามมี...ขณะนี้มีอะไร มีจิตรึเปล่า มี เจตสิกรึเปล่า เปลี่ยนจากที่ มี ขณะนี้ให้เป็นอย่าง อื่นได้มั้ย รึว่าทุกขณะเนี่ยค่ะ ต้องมีเหตุ ถ้าไม่มี เหตุที่จะให้จิตเป็นอย่างนี้นะคะ จิตเป็นอย่างนี้ ก็ เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตามมี ขณะนี้ ซึ่งมี เพราะมีเหตุที่ได้กระทำแล้วในอดีต
ตามได้ เดี๋ยวเดือดร้อนมั้ยคะ จะรับประทานอะไร มีอย่างที่เราชอบรึเปล่า เผ็ดไปบ้างรึเปล่านะคะ ก็อาจจะเป็นได้ แต่ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ แล้ว ตามได้ แล้วแต่ว่าจะได้อะไรทางลิ้น จะได้ อะไรทางตา แต่ไม่ได้หมายความว่า ได้แบบ เป็นของเรา นะคะ แต่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แม้คิดนึกเนี่ยค่ะ ผู้ที่สะสมปัญญามามากนะคะ ท่านก็คิดนึก หยั่ง ลงไปได้มากในความจริงของธรรมะ แต่ผู้ที่ไม่ได้ สะสมมาถึงระดับนั้น ตามได้ ที่ได้สะสมมาก็คือ ว่า แม้แต่จะคิดหรือจะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟังเนี่ย ค่ะ ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่ทราบคุณ นิภัทรมีอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ
อ.นิภัทร : ถ้าไม่มีอะไร เราก็ไม่ได้อะไรน่ะครับ มันก็ต้อง ธรรมดาอยู่แล้ว (หัวเราะ) มันมี เราถึงได้ครับ มีตา มีหู มีจมูก มี ลิ้น มีกาย มีใจเนี่ย เราถึงได้นึกว่าเราได้โน่นได้นี่นะ คิดว่าเรามีอะไรต่ออะไรเนี่ย เพราะเราเห็นนะ ครับ คนอื่นๆ ก็เห็น อย่างแก้วแหวนเงินทอง ที่เรา นึกว่าเป็นรัตนะ...อันประเสริฐของเราเนี่ยนะ มัน แค่เห็นเท่านั้นนะครับ
ลองไปจับดู ก็แข็งๆ เท่านั้นน่ะ เพชรอย่างน้ำงามอะไรที่เขาว่าหลายกะรัตๆ แค่เห็นเท่านั้นนะ คนอื่นก็เห็น เราก็เห็นแล้วเราก็ยึดถือการเห็นเนี่ย ว่าเป็นของเราว่า เป็นของเรา ที่จริงไม่ใช่ เราไปคิดเอาเองนะ ครับ คิดเอาเอง คิดเอาเองเนี่ย เป็นความคิดที่ ผิดด้วย เพราะว่ามันมันไม่ได้บอกสักหน่อยว่า มันเป็นของเรา แหวนน่ะ แหวนงามๆ มันเคยบอก เรามั้ยว่าอ่ะ เนี่ยนะ เป็นของท่านน่ะ เปล่า เวลา ตายไปก็เอาไปไม่ได้นะครับ ใส่หีบใส่โลงให้นั่น ก็ เอาไปไม่ได้ครับ
สัปเหร่อเอาไปหมดครับ ใครอย่าเอาไปใส่เข้าไปนะ สัปเหร่อก็ใส่ เขาเอาไปหมดล่ะ เขาหยิบออก เขาใส่กระเป๋าไปเลย แล้วเขาก็นึกว่าเขาได้นะ แต่เขาก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะมันไม่เป็นสมบัติของใครน่ะ เป็นสมบัติของตา หู จมูก ลิ้น กาย มันเป็นสมบัติกลางที่อยู่กับโลกเนี่ย เพราะฉะนั้น เราอย่าติดในสิ่งเหล่า นี้ มีก็มีได้ แต่อย่าติด แต่อย่าติด เดี๋ยวข้อง ไม่ ใช่สิฮะ ท่านไม่ห้ามว่าไม่ให้มี มีได้ ทุกสิ่งทุก อย่างมีได้ แต่อย่าติด อย่าข้อง เพราะว่าการติดข้อง เนี่ย มันเป็นทุกข์ครับ มันเดือดร้อนครับ
อ.สุจินต์ เมื่อเข้าใจแล้วเป็นปัญญาได้มั้ยคะ แม้แต่เพียง ตามมี ตามได้
ตามเหตุที่ได้กระทำมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจะหวั่นไหวมั้ย ถ้าบางขณะเนี่ย เราก็ได้สิ่งที่ไม่ น่าพอใจนะคะ หรือบางขณะเราก็ได้สิ่งที่น่าพอใจ ก็เป็นไปตามเหตุชั่วคราวเท่านั้นเอง ถ้ามีปัญญาอย่างนี้ พอเพียง มั้ยคะ ตามกำลังของ กรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ก็เป็นเหตุที่จะทำให้ไม่ เดือดร้อน เพราะฉะนั้น เมื่อมีปัญญาแล้วก็จะทำ ให้คลายความทุกข์และการยึดถือลงไปได้ แต่เท่า นี้ยังไม่พอค่ะ ต้องถึงการที่จะรู้ว่า แม้เหตุนั้นๆ ก็ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เป็น บุคคล เป็นธรรมะแต่ละลักษณะเท่านั้นเอง สิ่งที่ได้นั่นก็ตามเหตุตามปัจจัย คือตามมีตามได้ จริงๆ
ตามมีตามได้ ตามเหตุปัจจัย ตามสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ทางตา หู..ใจ
ตามความเป็นจริงคือ อนัตตา ตามกำลังปัญญาเมื่ออ่านกระทู้นี้แล้ว
จะตามมีตามได้อย่างไร
ขออนุโมทนาครับ
ตามมี ตามได้..... เมื่อใดสติเกิด เมื่อนั้น ระลึกรู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริงทันที.
ตามมีตามได้ ตามเหตุตามปัจจัย
ตามบุญตามกรรม ตามการสะสม
ได้แค่ไหนก็แค่นั้น จะเอามากๆ ก็เป็นไปได้เพราะทำมาแด่นั้นจริง
ขออนุโมทนาครับ