สมาชิกใหม่ ขอปรึกษาค่ะ
โดย ไม่มีเรา  9 มิ.ย. 2551
หัวข้อหมายเลข 8852

ได้ฟังแผ่น mp3 ของ อ.สุจินต์ มาบ้างแล้ว และจะพยายามฟังต่อไป ทั้งก่อนนอนและตอนเช้าค่ะ ซึ่งดิฉันเพิ่งได้เคยเห็นรูปของ อ. วันนี้เองค่ะ เห็นแล้วรู้สึกปลื้มปิติ จนต้องร้องไห้และรู้สึกอนุโมทนาในบุญกุศลบารมีทั้งหลายที่ อ.ท่านได้สร้างมา

ดิฉันฟังธรรมของท่านแล้วก็พอจะเข้าใจเรื่องกรรมบ้างน่ะค่ะ ดิฉันขอพูดในแง่แบบไม่ใช่ภาษาปรมัตถธรรม (ไม่มีเรื่องราว ไม่มีตัวเรา ตัวเขา) ก่อนนะคะ เพื่อให้เข้าใจง่าย

ดิฉันเข้าใจว่า ดิฉันกับสามีจะต้องทำกรรมร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติแน่ๆ ค่ะ ซึ่งดิฉันกำลังชดใช้ให้เขาในชาตินี้ ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ก็ทะเลาะกันมาตลอด ตั้งแต่ดิฉันรู้จักกับเขา ดิฉันก็ต้องทุกข์เพราะเขาตลอด คุยอะไรก็คนละแนว เขามองแต่ความสนุกทางโลก ดิฉันสนใจแต่ทางธรรม แต่ก็เพราะกรรมทำให้ดิฉันแต่งงานกับเขาจนได้ อยู่กันมา 10 กว่าปีจนมีลูกด้วยกันแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดชวนทะเลาะ ทั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยไปจนเรื่องใหญ่ๆ แม้กระทั่งเรื่องธรรมมะ จะเลิกกันก็หลายครั้ง แต่ก็เลิกกันไม่สำเร็จ (กรรมคงยังไม่หมด)

ดิฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมมะ ชอบฟังธรรมมะ ทุกครั้งที่ได้อ่านหรือฟัง จะมีความสุขมาก (เป็นความรู้สึกเอง แบบไม่ได้ดัดจริตหรือฝืนใจ) ที่ผ่านมาก็อ่านมาหลายอาจารย์มาก แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ที่เรากำลังค้นหาอยู่ น่าแปลกมาก ทั้งๆ ที่ อ.สุจินต์ ท่านสอนธรรม มาตั้งนานมากๆ แล้วแต่ ดิฉันเพิ่งได้ฟังธรรมของท่านเพิ่งจะเมื่อปีที่แล้ว และรู้ว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหามาโดยตลอดว่า ชีวิตนี้คืออะไร เกิดมาทำไม สิ่งสูงสุดในชีวิตคืออะไร

จนช่วงหนึ่งของชีวิต กระทั่งบัดนี้ รู้สึกว่าเสียดายเวลาที่จะต้องเสียไปกับการหาเงินทางโลก แต่ก็จำเป็นเพราะยังมีภาระต้องรับผิดชอบบิดามารดาของตัวเอง ลูกและสามี รู้สึกว่าตัวเองมีเวลาน้อยเกินไป ที่จะได้ฟังธรรม ทั้งๆ ที่การฟังธรรมเปรียบเสมือนชีวิตจิตใจของดิฉันเลยก็ว่าได้ เพราะดิฉันยังต้องอบรมเจริญปัญญาอีกเยอะมากๆ ฟังแต่ละครั้ง ปัญญาเจริญขึ้นมากบ้างน้อยบ้างก็ยังดี ถ้าได้ฟังแต่ธรรมตลอดทั้งวันก็คงจะดี ย้อนกลับมาถึงเรื่องสามีต่อค่ะ เขาจะคอยเป็นอุปสรรคในการฟังธรรมของดิฉันมาโดยตลอด ถ้าดิฉันเปิดฟังกับเครื่องเล่น วีซีดี ซึ่งจะมีเสียงออกมา เขาจะทนฟังไม่ได้ ไม่ชอบฟัง และไม่ชอบอ่านหนังสือธรรมใดๆ ทั้งสิ้น และจะบ่นออกมาเสมอ จนดิฉันต้องเปลี่ยนมาฟังจาก mp3 ซึ่งไม่มีเสียงรบกวนใคร เอาไว้ฟังก่อนนอนและตอนเช้า

เขาเคยไปปฏิบัติธรรม ที่สวนโมกข์ 2 ครั้ง (แม่ชวนไป) แต่นิสัยก็ยังเหมือนเดิมเขาไม่พอใจ ถ้าเห็นดิฉันไปอ่านหรือฟังธรรมของ อาจารย์ท่านอื่น ที่ไม่ใช่หลวงพ่อพุทธทาส (ดิฉันก็อ่านมาแล้ว แต่ไม่ถูกจริต) เขาต้องการให้ดิฉันเชื่อเขา ฟังเขาเท่านั้น ถ้าไม่เขาก็จะโกรธ เขาเป็นคนก้าวร้าว โทสะแรงมากๆ โกรธง่าย แม้เรื่องเล็กน้อย หายช้า และให้อภัยคนยาก เจ้าคิดเจ้าแค้น ทุกเรื่องที่เขาโกรธ เขาจะเก็บจดจำไว้หมด และจะรื้อฟื้นมาพูดเวลาหาเรื่องทะเลาะ

ตั้งแต่อยู่กันมาน้อยมากที่ดิฉันจะเป็นฝ่ายโกรธเขาก่อน เขาจะเป็นฝ่ายโกรธมาโดยตลอดและโกรธได้ง่ายมาก จุกจิก จู้จี้ขี้บ่น ยิ่งกว่าผู้หญิง หงุดหงิด ขี้รำคาญ และไม่เคยโทษตัวเอง โทษแต่ดิฉันและคนรอบข้าง และชอบตวาดใส่ดิฉันเสมอๆ

ดิฉันอยากรบกวนถามว่า

1. การที่นิสัยเขาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะว่า เขาขัดขวางการฟังธรรมของดิฉัน หรือเปล่าคะ หรือเป็นเพราะดิฉันต้องรับกรรม จากการที่เขาเป็นแบบนี้ ทำให้ดิฉันไม่มีความสุขและเป็นทุกข์อย่างมาก

2. ถ้าเป็นเพราะกรรมที่ดิฉันเคยทำเขามาก่อนในอดีตชาติ ดิฉันควรทำอย่างไรเพื่อให้เป็นอโหสิกรรมโดยเร็วที่สุด และปัญหาคลี่คลายไปเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ พ่อแม่ดิฉันก็พลอยทุกข์ไปกับดิฉันด้วย

3. จะเลิกกันก็สงสารลูก และสงสารเขาด้วยกลัวเขาจะทำอะไรที่ร้ายแรงขึ้นมา

เพราะทุกวันนี้ เหมือนเขาไม่ใช่คนปกติ อารมณ์พลุ่งพล่าน หงุดหงิดขี้โมโหมากและใครว่าเขาไม่ได้เลย แต่เขาชอบว่าคนอื่นอยู่เสมอ ทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกเหมือนอยู่กับคนที่เป็นบ้าเลยค่ะ มันทรมานใจมาก

ขอบพระคุณมากค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

๑. การที่นิสัยเขาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะว่า เขาขัดขวางการฟังธรรมของดิฉัน หรือเปล่าคะ หรือเป็นเพราะดิฉันต้องรับกรรม จากการที่เขาเป็นแบบนี้ ทำให้ดิฉันไม่มีความสุขและเป็นทุกข์อย่างมาก

การได้ยินคือ สภาพธรรมที่มีจริง เป็นชาติวิบาก เป็นผลของกรรม สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ที่จะให้เกิดหรือไม่เกิดครับ ไม่รู้เลยว่าจะได้ยินอะไร ตอนไหน แล้วเป็นกรรมของใครที่ทำมาที่จะได้ยินหรือไม่ได้ยิน แม้การได้ยินเสียงพระธรรมก็แล้วแต่เหตุปัจจัยว่าจะได้ยินหรือไม่ได้ยินครับ ตอนไหนและเมื่อไหร่เพราะเป็นผลของกรรมและเป็นอนัตตาหากเข้าใจความจริงดังนี้ แม้ขั้นการฟัง ก็จะเกิดอกุศลน้อยลงและไม่โทษใครเพราะเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัยและเป็นธรรมทั้งนั้น ทำไมถึงไม่ได้ยิน ทำไมถึงเพิ่งมาได้ฟังแนวทางนี้ เมื่อ ๑ ปีที่แล้ว อยากจะได้ฟังธรรมมากๆ เป็นไปตามใจไหมครับ เป็นธรรมและเป็นอนัตตา เข้าใจแบบนี้ก็จะไม่โทษใครครับ


ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

๒. ถ้าเป็นเพราะกรรมที่ดิฉันเคยทำเขามาก่อนในอดีตชาติ ดิฉันควรทำอย่างไรเพื่อให้เป็นอโหสิกรรมโดยเร็วที่สุด และปัญหาคลี่คลายไปเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ พ่อแม่ดิฉันก็พลอยทุกข์ไปกับดิฉันด้วย

เราไม่สามารถบังคับบัญชาให้กรรมนี้จะให้ผลหรือไม่ให้ผลเพราะเหตุมีแล้ว แต่เมื่อผลเกิดขึ้นควรพิจารณาตามความเป็นจริงว่า เหตุที่ไม่ดีเกิดจากการกระทำที่ไม่ดีในอดีตแล้วเมื่อได้รับผลที่ไม่ดีแล้ว ควรหรือที่จะสร้างเหตุใหม่คือ การกระทำที่ไม่ดีตอบ ดังนั้น ควรเป็นผู้อดทนและเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างเป็นอนัตตา สะสมความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น จากการฟังพระธรรม ปัญญาเจริญขึ้น ปัญญานั้นเอง ย่อมทำให้สามารถดำเนินได้ดี แม้ประสบสิ่งต่างที่ไม่ดีในชีวิตประจำวัน


ความคิดเห็น 3    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

๓. จะเลิกกันก็สงสารลูก และสงสารเขาด้วยกลัวเขาจะทำอะไรที่ร้ายแรงขึ้นมาเพราะทุกวันนี้ เหมือนเขาไม่ใช่คนปกติ อารมณ์พลุ่งพล่าน หงุดหงิดขี้โมโหมากและใครว่าเขาไม่ได้เลย แต่เขาชอบว่าคนอื่นอยู่เสมอ ทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกเหมือนอยู่กับคนที่เป็นบ้าเลยค่ะ มันทรมานใจมาก

พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะคนพูดเหลาะแหละด้วยการกล่าวคำสัตว์ ดังนั้นไม่ใช่ชนะกิเลสของใคร ชนะกิเลสของตนเองที่จะอดทน อดทนที่จะไม่พูด อดทนด้วยความเข้าใจและเห็นใจ สงสารในบุคคลที่ทำไม่ดีแล้วจึงสำรวมกาย วาจาของตนด้วยเป็นสำคัญ

ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 4    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

"ดิฉันเพิ่งได้ฟังธรรมของท่านเพิ่งจะเมื่อปีที่แล้ว และรู้ว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหามาโดยตลอดว่าชีวิตนี้คืออะไร เกิดมาทำไม สิ่งสูงสุดในชีวิตคืออะไร"

ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้พบหนทางนี้แล้วเช่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้มีความอดทนเพียรที่จะฟังและพิจารณาธรรมบ่อยๆ เนืองจนเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น ทุกอย่างจะละคลายไปตามกาล เพราะธรรมทั้งหลายมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา สุขและทุกข์มีแล้วก็หมดไปไม่ตั้งอยู่นาน ภายนอกร้อนรนวุ่นวายเท่าใด ไม่สามารถทำอะไรได้กับภายในของเราที่ร่มเย็นด้วยปัญญาจากพระธรรม และยิ่งมั่นคงขึ้นที่รู้ว่าแม้ที่สุขนั้น

" ก็ไม่ใช่เรา "

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย ไม่มีเรา  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญ กับคุณแล้วเจอกัน และคุณ วันชัย 2504 ด้วยค่ะ ดิฉันจะน้อมมาพิจารณาและจะพยายามฟังพระธรรรมของ ท่าน อ.สุจินต์ต่อไปค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย choonj  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ข้อ 1) การที่เขาเป็นอย่างนี้ไม่ไช่เป็นเพราะเขาขัดขวางการฟังธรรมของคุณ แต่เป็นเพราะกิเลสของเขา. ธรรมดาคนที่ไม่ฟังธรรมก็ย่อมมีกิเลสมากน้อยต่างกัน แต่ไนกรณีสามีคุณมีกิเลสที่สะสมไว้ทำไห้คนรอบข้างมีวิบากที่ไม่ดีโดยเฉพาะคุณ ซี่งวิบากที่ไม่ดีนี้ก็ไม่ได้มาจากเขา แต่เป็นเพราะการสะสมของคุณเองในอดีต ที่จะต้องรับ. ทางแก้ พระพุธเจ้าตรัสว่า ธรรมเกิดขี้นแล้วก็ดับไป การทะเลาะและจู้จี้จุกจิกที่เกิดจากเขาด้วยอำนาจของโทสะ และโลภะ ก็จะมาหาคุณในรูปของเสียงและการแสดงออกทางกาย. ถ้าคุณสามารถรู้ว่าเสียงที่มาหาคุณเป็นแค่ธรรมเกิดแล้วก็ดับ แล้วคุณก็ไม่เกิดโทสะคือ ไม่โกรธตอบ ก็จะช่วยได้ ใหม่ๆ ก็จะยากชักหน่อยแต่ถ้าทำได้ก็จะสบาย. เพียงไม่ใส่ใจในเสียงเขาทุกอย่างก็จะดีขี้นแล้วและความโกรธก็ไม่เกิดกับคุณด้วย ถ้าคุณยังโกรธอยู่ก็หมายความว่าคุณโกรธเสียงที่เกิดดับไม่มีสาระ แล้วปัญหาก็แก้ไม่ได้.

ข้อ 2) ถ้าคุณทำได้ตามความเห็นข้อ 1) ก็จะเป็นอโหสิกรรม แต่ความจริงอโหสิกรรมไม่มี เมื่อคุณไม่โกรธคุณก็จะสบาย เมื่อคุณสบายกรรมไม่เกิด เป็นการช่วย พ่อ แม่ด้วย.

ข้อ 3) เลิกไม่เลิกไม่มีไครรู้ เป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องของวิบาก. เมื่อคุณยังสงสารเขาอยู่ ก็ควรปรับปรุงตัวเองเพื่อลูกด้วย โดยการฟังธรรม สร้างปัญญา ให้ได้ 3 เหตุ เพื่ออนาคตจะได้ดีกว่านี้ หวังว่าคงช่วยได้


ความคิดเห็น 7    โดย Pararawee  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนานะคะ

เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีทุกข์เป็นของธรรมดา แต่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างไรให้มีคุณค่า และได้ฟังพระสัทธรรมที่มีคุณค่ายิ่ง แต่กระนั้นก็ต้องดูด้วยนะคะ ว่าฟังจากใคร ขอให้คุณ ไม่มีเรา มั่นคงในพระธรรม เมื่อเข้าใจแล้วก็จะ ละได้ทีละเล็กทีละน้อย

ถึงจะทุกข์ก็ทุกข์ไม่เท่าแต่ก่อนที่ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม จริงไหมคะ?


ความคิดเห็น 8    โดย happyindy  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ดิฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมมะ ชอบฟังธรรมมะ ทุกครั้งที่ได้อ่านหรือฟัง จะมีความสุขมาก (เป็นความรู้สึกเอง แบบไม่ได้ดัดจริตหรือฝืนใจ) ที่ผ่านมาก็อ่านมาหลายอาจารย์มาก แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ที่เรากำลังค้นหาอยู่ น่าแปลกมาก ทั้งๆ ที่ อ.สุจินต์ ท่านสอนธรรมมาตั้งนานมากๆ แล้วแต่ ดิฉันเพิ่งได้ฟังธรรมของท่านเพิ่งจะเมื่อปีที่แล้ว และรู้ว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหามาโดยตลอดว่า ชีวิตนี้คืออะไร เกิดมาทำไม สิ่งสูงสุดในชีวิตคืออะไร

ขออนุโมทนาในกุศลที่คุณได้กระทำมาแล้วและได้นำมาพบซึ่งหนทางที่ถูกแล้ว

กุศลก็ของเรา อกุศลก็ของเรา...ทั้งที่ไม่มีเรา

กุศลก็ของเขา อกุศลก็ของเขา...ทั้งที่ไม่มีเขา

ขอเป็นกำลังใจ

ให้อดทนต่อไปเพื่อการได้การเจริญกุศลยิ่งๆ ขึ้นไปในทุกโอกาสนะคะ

และขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย suwit02  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย khampan.a  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขอแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่ ผู้ที่ใช้นามว่า ไม่มีเรา ด้วยข้อความต่อไปนี้ ครับ

- การที่บุคคลแต่ละบุคคล จะมีอัธยาศัยน้อมไปในทางใด หรือเป็นไปอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการสั่งสมมา คนที่มักโกรธ ขุ่นใจ หงุดหงิด ไม่มีเฉพาะในสมัยนี้เท่านั้น มีทุกยุคทุกสมัย เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ความโกรธเกิดขึ้น ความโกรธก็ย่อมเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าเขา ไม่ว่าเรา เราไม่สามารถห้ามความโกรธได้ แต่มีหนทางคือ อบรมเจริญปัญญาเพื่อที่จะรู้ลักษณะของความโกรธ (โทสะ) ตามความเป็นจริง ครับ

- การกระทำของบุคคลอื่นไม่เป็นประมาณ ที่สำคัญคือ รักษาจิตของเราไม่ให้เป็นอกุศล จึงเป็นสิ่งที่สมควร ไม่ว่าใครจะประพฤติไม่ดีต่อเราอย่างไร ก็พร้อมที่จะอดทนและให้อภัยในการกระทำที่ไม่ดีของคนนั้นได้เสมอ ด้วยความไม่โกรธตอบ และไม่แสดงอาการที่ไม่สมควรออกไป เพราะพระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมอุปการะเพื่อมิให้พุทธบริษัทเกิดอกุศลจิตแม้เพียงเล็กน้อย, การที่ได้รับในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจเป็นผลของอกุศลกรรม อกุศลกรรมให้ผลเป็นทุกข์ เมื่อมีความเข้าใจอย่างนี้ ก็พอที่จะทำให้เห็นโทษของอกุศล แล้วเริ่มสร้างเหตุใหม่ที่ดี ด้วยการเจริญกุศลประการต่างๆ ได้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป เราไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่เริ่มอบรมเจริญในสิ่งที่ดี (เป็นกุศล) ต่อไปได้ ครับ

-ในฐานะที่เป็นภรรยา ตั้งใจทำหน้าที่ของการเป็นภรรยาให้ดีที่สุด ในฐานะที่เป็นมารดา ก็ตั้งใจทำหน้าที่ของการเป็นมารดาให้ดีที่สุด ในฐานะที่เป็นบุตรธิดาก็ตั้งใจทำหน้าที่ของการเป็นบุตรธิดาให้ดีที่สุด ไม่ทิ้งหน้าที่ และ ไม่ทิ้งพระธรรม (ถึงแม้จะลำบาก ทุกข์ยากอย่างไร ชีวิตก็ยังมีค่า มีค่าในการที่จะได้เจริญกุศล อบรมเจริญปัญญา ครับ) ..


ความคิดเห็น 11    โดย wannee.s  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

1. เรารับผลของกรรมทุกขณะที่เห็นที่ได้ยิน ฯลฯ แต่หลังจากนั้นทุกข์ใจเป็นกิเลสไม่ใช่ผลของกรรม มีหนทางเดียวคือ ฟังธรรมอบรมปัญญาจึงจะคลายทุกข์ได้ค่ะ

2. เราไม่สามารถแก้หรือเปลี่ยนนิสัยคนอื่นได้ นอกจากเราจะอดทนและอบรมปัญญาต่อไปค่ะ

3. ไม่ต้องเลิกกันค่ะ ให้อดทนอยู่ต่อไปเพื่อลูก และอีกไม่นานเราก็ต้องตายจากกัน

สิ่งที่สำคัญแม้ประสบทุกข์ปัญหาต่างๆ ก็ไม่ทิ้งการฟังธรรมะค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย mamma  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ภาษาบ้านๆ จาประมาณว่า

" มารบ่ มี บารมี บ่ เกิด "

ฟังอ่านธรรมะต่อไปน่ะค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย เมตตา  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาคุณ khampan.a และขอเป็นกำลังใจ ให้ผู้ที่ใช้นามว่า (ไม่มีเรา) ขอให้ศึกษาและฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไปนะค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย นวล  วันที่ 10 มิ.ย. 2551

ดิฉันได้ฟังธรรมท่านอ. สุจินต์ หลายครั้งที่ท่านแสดง ให้เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราควบคุมและบังคับบัญชาไม่ได้ สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีสาระสำหรับวันนี้ ท่านให้เราเมตตาคะ และอย่าไปเพ่งอกุศลของคนอื่น แล้วเราจะลืมอกุศลของตนเอง ฟังธรรมไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดความเข้าใจ ปัญญาเกิด ท่านใช้คำว่า ศึกษาจนจรดเยื่อในกระดูก เป็นผู้ที่ละเอียด ตรง มั่นคง เราจะเป็นผ้าเช็ดธุลี ไม่เดือดร้อน เมื่อนั้นก็จะอาจหาญร่าเริงคะ



ความคิดเห็น 16    โดย DEEPKUNG  วันที่ 11 มิ.ย. 2551

ไม่มีครอบครัวก็ดีไปอย่างนะครับ ผมว่า


ความคิดเห็น 17    โดย Anutta  วันที่ 11 มิ.ย. 2551

คุณ DEEPKUNG แน่ใจหรือคะ?? แต่ยังมีเราอยู่หรือปล่าวคะ "มารบ่มี บารมีบ่เกิด" สะกิดใจค่ะ ขอขอบคุณคุณ mamma นะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณไม่มีเรา มีวิริยะในการฟังพระธรรมต่อไปค่ะ


ความคิดเห็น 18    โดย C.pongsiri  วันที่ 12 มิ.ย. 2551

ในเมื่อประทับใจในคำ ไม่มีเรา ก็ขอให้ระลึกชื่อ ไม่มีเรา ที่คุณเลือกใช้ไว้บ่อยๆ นะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ คุณ ไม่มีเรา ด้วยคนค่ะ

จาก เราเอง


ความคิดเห็น 19    โดย Sam  วันที่ 13 มิ.ย. 2551

การมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ไม่เป็นเครื่องกั้นการเจริญของปัญญาเลยครับ หากเป็นผู้มั่นคงในการศึกษาพระธรรม

พระอริยบุคคลในสมัยพุทธกาลหลายๆ ท่าน มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ประสบกับความคับแค้นใจนานับประการ แต่ด้วยการสั่งสมอุปนิสัยในพระธรรมมาในอดีต ท่านเหล่านั้นก็ประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรมได้อัตภาพนี้เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมอันประเสริฐสุดตามแนวทางที่ถูกต้อง การตั้งใจศึกษาตามกำลังที่มีย่อมทำให้ชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า ส่วนความคับข้องใจทั้งหลายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผ่านมาอีกแล้วก็ผ่านไปอีก จนในที่สุดเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นบุคคลอันเป็นที่รักหรือไม่เป็นที่รักก็จะละจากโลกนี้ไป

ขออนุโมทนาในศรัทธาของคุณ ไม่มีเรา และขอให้กำลังแห่งศรัทธานี้มีอานุภาพและมั่นคง อันจะช่วยบรรเทาและรักษาความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครับ


ความคิดเห็น 20    โดย ไม่มีเรา  วันที่ 14 มิ.ย. 2551

ดิฉัน ไม่เข้าใจในตัวเองเหมือนกันค่ะ ทุกๆ ครั้งที่คิดถึงชีวิต และหลายๆ ครั้งที่ได้ฟังพระธรรม ดิฉันมักจะร้องไห้เสมอ ซึ่งไม่สามารถบังคับตัวเองได้ และครั้งนี้ก็เช่นกันที่ได้อ่านคำแนะนำที่มีคุณค่ามหาศาลของทุกๆ ท่าน ก็อดที่จะร้องไม่ได้

ดิฉันจะพยายามฟังพระธรรมต่อไปค่ะ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านที่ได้สละเวลา มาให้สิ่งที่มีคุณค่าแก่ดิฉัน

ดิฉันได้ฟังพระธรรมแล้ว มีข้อสงสัยที่อยากจะเรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลายค่ะ ซึ่งดิฉันจะตั้งหัวข้อกระทู้ใหม่นะคะ ขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็น 21    โดย เซจาน้อย  วันที่ 15 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้กับคุณไม่มีเราด้วยคนครับสาธุ

ความคิดเห็น 22    โดย Komsan  วันที่ 15 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิต ของทุกๆ ท่านครับ

และขอเป็นกำลังใจให้คุณไม่มีเรา อดทน ศึกษา ฟังพระธรรมต่อไปนะครับ


ความคิดเห็น 23    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 17 มิ.ย. 2551

อนุโมทนาคะ


ความคิดเห็น 24    โดย ไม่มีเรา  วันที่ 17 มิ.ย. 2551

ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 25    โดย chackapong  วันที่ 18 มิ.ย. 2551

ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมสักเล็กน้อย จากประสบการณ์จริงที่ผมได้รับ เมื่อเจอมรสุมชีวิตที่ถาโถมเข้าใส่ ทุกด้านในเวลาเดียวกัน เรายังอาจหาญและร่าเริงในธรรม ปัญญากำลังปฎิบัติหน้าที่ของปัญญา และเป็นธรรมที่แท้จริง ในชีวิตจริง ไม่ไช่เพียงแค่ บัญญัติศัพท์ที่เราจำได้ใน ขั้นการฟัง ขอให้ร่าเริง และอาจหาญ ในธรรม อย่างแท้จริง


ความคิดเห็น 26    โดย ไม่มีเรา  วันที่ 20 มิ.ย. 2551

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญกับคุณ chackapong ด้วยค่ะ