ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" อดทนไหมที่จะละความชั่วทุกอย่าง "
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
~ ต้องไม่ลืม ว่า คำทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้รู้ความจริง เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องไปคิดถึงคำ แต่เริ่มเข้าใจทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า มีจริงๆ หรือเปล่า? สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ยังไม่ได้เข้าใจ แล้วจะพยายามไปเข้าใจสิ่งที่ไม่ปรากฏหรือ?
~ ต้องไม่ลืมว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ให้มีความเข้าใจถูกต้อง ว่า สิ่งนั้นคืออะไร
~ สิ่งอื่นที่ยังไม่ได้ปรากฏ ยังเข้าใจไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ ก็จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งอื่นๆ ด้วย
~ ภาษา คือ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เข้าใจความจริงที่พระองค์ได้ทรงประจักษ์แจ้ง
~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังแล้วก็ศึกษา ไตร่ตรอง ให้เข้าใจความหมาย ไม่ใช่คิดเอง มิฉะนั้น จะไม่เข้าใจคำหรือภาษาที่พระองค์ใช้ ที่แสดงความจริงทั้งหมดของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น ต้องฟังทีละคำที่พระองค์ตรัส เพื่อที่จะเข้าใจความหมายจริงๆ ของคำนั้น มิฉะนั้น ก็จะคิดเองซึ่งผิดแน่นอน พระองค์ตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ เขาเข้าใจไหม ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงเดี๋ยวนี้
~ ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพจริงๆ สูงสุดในแต่ละคำ มิฉะนั้นแล้ว ก็จะไม่รู้ว่าพระองค์ตรัสให้เป็นความเข้าใจ ไม่ใช่ให้ทำอะไร
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ หรือเปล่า? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริง แต่ต้องบอกด้วยว่า คืออะไรที่กำลังมีจริงๆ ถ้าบอกเขา เขาไม่ได้คิดเอง เขาได้แต่ฟังแล้วเชื่อตาม แต่ความเข้าใจเริ่มต้นตั้งแต่ได้ฟังคำไหน ต้องไตร่ตรอง ต้องคิดด้วยตนเอง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้หรือเปล่า?
~ เดี๋ยวนี้ อะไรกำลังมีจริงๆ (ได้ยินเสียง แล้วก็คิด) เสียงที่เขาได้ยิน มีจริงๆ ไหม? ใครทำให้เสียงเกิดขึ้น?
~ เดี๋ยวนี้ เห็นไหม? (เห็น) ทำไมว่า เห็น? หมายความว่า มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นใช่ไหม จึงเห็น?
~ เห็น คือ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นรู้สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
~ กำลังได้ยิน มีสภาพที่เกิดขึ้นรู้เสียง จึงกล่าวว่า ได้ยิน ใช่ไหม?
~ ต้นไม้ เห็นอะไรไหม รองเท้า เห็นอะไรไหม?
~ ต้องมีสิ่งที่เกิดขึ้นรู้ สิ่งต่างๆ จึงปรากฏได้ ใช่ไหม?
~ สิ่งที่เกิดขึ้นรู้ มีจริงๆ หรือเปล่า? สิ่งที่เกิดขึ้นรู้ จะเรียกอะไรก็ได้ แต่ต้องเกิดขึ้นรู้ ใช่ไหม?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรู้ ว่า เป็นจิต (จิตฺต ในภาษาบาลี) เป็นสภาพรู้ เกิดขึ้นรู้
~ ถ้าจิตไม่มี เกิดเป็นคนได้ไหม? ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จิตเป็นสภาพรู้เท่านั้น ใช่ไหม? จิตเกิดขึ้น ไม่รู้อะไรได้ไหม? (ไม่ได้) เดี๋ยวนี้ มีจิตไหม? (มี)
~ อย่าลืม ว่า กำลังฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเข้าใจทุกคำ ทีละคำ
~ เดี๋ยวนี้ มีเห็น ถูกไหม? ทุกคนเห็น ทุกคนพูดเรื่องเห็น แต่ว่าเห็นคืออะไร? เห็นมีจริงไหม? มีจริงเมื่อไหร่? เห็นมีจริงขณะที่กำลังเห็น เวลาไม่เห็น มีเห็นไหม? ใครทำให้เห็นเกิดขึ้น? (ไม่มี)
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ให้ทุกคนได้รู้ความจริงของสิ่งนั้นๆ
~ การฟังธรรมในขณะที่ธรรมนั้นๆ มี เพื่อเข้าใจถูกตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น
~ หนทางเดียวที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เมื่อฟังคำของพระองค์แล้วต้องไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่รีบร้อนไปรู้สิ่งที่พระองค์ตรัส แต่กำลังไม่มีในขณะนี้ แล้วจะรู้ได้อย่างไร
~ การฟังความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด มิฉะนั้น ไม่สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ได้เลย
~ ทุกคำต้องศึกษา ไม่ใช่ได้ยินคำว่า จิต แล้วคิดว่าเข้าใจแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เข้าใจอะไร?
~ เริ่มรู้ความจริงว่า สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้แหละ ไม่เข้าใจ จึงฟัง ไตร่ตรองแล้วก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ เดี๋ยวนี้ มีจิต รู้จักจิตหรือยังที่กำลังมีเดี๋ยวนี้? (ยังไม่รู้จัก) นี่เป็นเหตุที่พูดบ่อยๆ เรื่องสิ่งที่มีจริงๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดง เพื่อให้เห็นความลึกซึ้งและเริ่มรู้ว่า การรู้จักจริงๆ ไม่ใช่เพียงฟังคำว่า จิต แล้วคิดว่าเข้าใจแล้ว
~ เห็นความลึกซึ้งของสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไหม กำลังมี แต่ก็ไม่รู้ตามความเป็นจริง
~ ถ้าไม่รู้ความจริงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกอย่างที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะโลกไหนทั้งสิ้น ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ จะนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม? จะชื่อว่านับถือหรือเปล่า ถ้าไม่รู้อย่างนี้?
~ เห็นเดี๋ยวนี้เอง ต้องเกิด จึงมีเห็นเดี๋ยวนี้ ใช่ไหม? และ ไม่ใช่มีแต่เห็นเท่านั้น มีได้ยิน มีคิดนึกด้วย เพราะฉะนั้น เห็น เกิดเห็นเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่นเลย
~ ถ้าเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วยังมีอยู่ จะไม่มีการได้ยิน จะไม่มีการคิดนึก จะไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น นอกจากเห็น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงว่า เห็นเกิดขึ้นเห็นเท่านั้นแล้วดับไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงที่กำลังเป็นจริงของเห็นที่เกิดแล้วดับ ถ้าพระองค์ไม่ทรงตรัสรู้และทรงแสดงจะไม่มีใครรู้เลยว่า เห็นเดี๋ยวนี้ต้องเกิดเห็นแล้วดับ เห็นเกิดขึ้นแล้วดับ จริงไหม?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังเป็นจริงๆ เดี๋ยวนี้ ทุกอย่างที่เกิดดับ ไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
~ เห็นเมื่อวานนี้ กลับมาเป็นเห็นวันนี้ได้ไหม? (ไม่ได้) นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ พระองค์ทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้เข้าใจ คนอื่นสามารถที่จะประจักษ์แจ้งการเกิดดับของเห็นเดี๋ยวนี้ ได้ไหม? (ได้) รู้เดี๋ยวนี้ได้ไหม? (ยังไม่ได้) ถ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วจะประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้ไหม? (ไม่ได้) เพราะฉะนั้น ไม่รู้อะไรเลย แล้วไปสำนักปฏิบัติจะรู้ความจริงอย่างนี้ได้ไหม? (ไม่ได้) ต้องเป็นคนตรงต่อความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงๆ จึงจะสามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานไหม กว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า? (นาน)
~ พระสาวกที่ได้รู้แจ้งความจริง ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ได้บำเพ็ญบารมีการเข้าใจตรงตามความเป็นจริงนานไหมกว่าจะได้รู้ความจริง (ต้องบำเพ็ญบารมี นาน)
~ เป็นคนดีมาก แต่ไม่เข้าใจธรรม เป็นบารมีหรือเปล่า? (ไม่เป็นบารมี)
~ ขณะนี้ สภาพธรรมเกิดหรือเปล่า ดับหรือเปล่า? ตรงต่อความเป็นจริงอย่างนี้หรือเปล่า? จะรู้อย่างนี้ได้เมื่อไหร่ อีกนานเท่าไหร่ จะได้รู้ความจริง? เพราะฉะนั้น ต้องเป็นความเข้าใจถูกเท่านั้นที่รู้ได้ ใช่ไหม?
~ มั่นคงไหม อดทนไหมที่จะฟัง ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ จนละความหวังที่จะรู้ หมายความว่า มั่นคงที่จะรู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ใช่ไหม (ไม่มีใครทำให้เปลี่ยนใจได้) หมายความว่า มั่นคงที่จะรู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ใช่ไหม? (ไม่มีหนทางอื่น) หนทางเดียว นี่คือ บารมีอะไร? สัจจบารมี เท่านั้นหรือ? หมายความว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งหมด ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนทั้งหมด ไม่หวั่นไหวที่จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลังเป็นจริงขณะนั้นใช่ไหม?
~ แม้ว่าจะมีขันติ ความมั่นคง ก็ยังต้องมีวิริยะ ความเพียรที่จะฟังไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ ละความไม่รู้ เพราะเข้าใจความจริง ใช่ไหม เป็นวิริยบารมี
~ มีวิริยะ มีขันติ มีความมั่นคง มีความจริงใจ ที่จะทำความดี มิฉะนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมได้ ใช่ไหม? ทั้งนี้เพื่อละความชั่ว เพราะเห็นโทษของความชั่ว รู้ว่า ความชั่วไม่สามารถที่จะทำให้รู้แจ้งสภาพธรรมได้ เป็นศีลบารมี ใช่ไหมที่ละความชั่ว อดทนไหมที่จะละความชั่วทุกอย่าง?
~ ทำความชั่ว ไม่ยากเลย แต่ทำความดียากไหม? ต้องอาศัยปัญญา ต้องอาศัยความมั่นคง ต้องอาศัยสัจจะ ความจริง ทั้งหมด เพื่อละสิ่งที่ไม่ดี จึงสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริงได้
~ ต่อจากนี้ไป ไม่พูดคำที่ไม่รู้จัก คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้ไปจำ
~ พูดคำที่ไม่รู้จัก ถ้าไม่ไตร่ตรองแล้วจะมีประโยชน์ไหม เพราะฉะนั้นประโยชน์ที่สุด คือ ให้เขาเข้าใจคำที่เขาพูด ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่ใช่ให้พูดตาม แต่ (ให้) เข้าใจ
~ ขันธ์มีจริงไหม? เดี๋ยวนี้มีไหม? เดี๋ยวนี้มีขันธ์ อะไรเป็นขันธ์
~ ทำไมบอกว่า เห็นเป็นขันธ์? สิ่งที่มีจริง เกิดหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ขันธ์มีจริง เพราะขันธ์เกิด ใช่ไหม?
~ เห็นเดี๋ยวนี้เกิดหรือเปล่า? เห็นเดี๋ยวนี้เกิดแล้วดับหรือเปล่า? เห็นมีจริงๆ หรือเปล่า? เห็นเป็นขันธ์หรือเปล่า? ขันธ์มีจริงหรือเปล่า?
~ สิ่งที่ไม่เกิด เป็นขันธ์หรือเปล่า (ไม่เป็นขันธ์) เพราะฉะนั้น ขันธ์หมายถึง เฉพาะสิ่งที่เกิดใช่ไหม? (ใช่)
~ ได้ยินเป็น ขันธ์อะไร? (วิญญาณขันธ์) ทำไมเป็นวิญญาณขันธ์? (เป็นสภาพที่รู้แจ้งเสียง)
~ หิวเป็นขันธ์อะไร? (เวทนาขันธ์) เวทนา เป็นจิต หรือเปล่า? ไม่ใช่
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และกราบยินดีในความดีของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบยินดีในความดีของคุณสุคินและทุกๆ ท่าน
กราบอนุโมทนาครับ
กราบยินดีในความดีของทุกๆ ท่านค่ะ
กราบยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณผู้แปล ผู้ร่วมสนทนา รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ ท่าน กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบเท้าท่านอาจารย์ และกราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
จะค่อยๆ อ่านทำความเข้าใจค่ะ สาธุ