พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 438
ปฐมวัชชีสูตร
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ โกฏิคาม ใน
แคว้นวัชชี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัส
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ เรา
ด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฎนี้ตลอดกาลนาน
อย่างนี้ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกข-
อริยสัจ ๑ ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจ ๑ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏฏ์นี้
ตลอดกาลนานอย่างนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 30
เราแสวงหาช่างผู้สร้างเรือนคืออัตภาพ เมื่อไม่พบ ก็ท่องเที่ยวไปสิ้นสงสารนับด้วยชาติมิใช่น้อยความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์. ดูก่อนช่างผู้สร้างเรือนคืออัตภาพ เราพบท่านแล้ว ท่านจักสร้างเรือนคืออัตภาพอีกไม่ได้ โครงเรือนของท่านเราหักเสียหมดแล้ว ยอดเรือนคืออวิชชา เราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึงพระนิพพานแล้ว เพราะเราได้บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นตัณหาทั้งหลายแล้ว.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ที่ต้องอยู่ในสังสารวัฏฏ์เพราะ ไม่รู้ (อวิชชา) ตามคงวามเป็นจริงในสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ (ทุกขอริยสัจ คือ สภาพธัมมะที่มีในขณะนี้) ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เมื่อไม่สามารถตามความเป็นจริงก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ ก็มีกิเลส เป็นผลให้ทำกรรมต่างๆ
ทั้งที่ดีและไม่ดี ก็ย่อมให้ผลวิบาก เกิดในภพภูมิที่ดี และไม่ดีบ้างตามการที่ได้ทำกรรมไว้ อันมีปัจจัยมาจากกิเลสที่มีอยู่ครับ แต่เมื่อใดได้อบรมสติปัฏฐาน 4 (ทุกขนิโรธคามนีปฏิปทา) เข้าใจความจริงของสภาพธัมมะ (ทุกขอริยสัจ) ว่าเป็นธรรมไม่ใช่
เรา ก็ย่อมสามารถดับกิเลส คือ ตัณหา (ตัณหา หรือ ทุกขอริยสัจ) เมื่อโดยการ
ประจักษ์พระนิพพาน (นิพพาน คือ ทุกขนิโรธอริยสัจ) ก็ด้วยการอบรมสติปัฏฐาน 4นั่นเองครับ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะไม่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์คือ การอบรมสติ
ปัฏฐาน 4 รู้ลักษณะของสภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้ว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากปัญญาขั้นการฟังก่อนว่า ธรรมคืออะไรจึงจะอบรมสติปัฏฐาน 4 ได้ครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ธรรมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง ในโลกนี้ย่อแล้วเหลือแค่ นามธรรม รูปธรรม