ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอภิธรรมปิฎก
ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ -
หน้าที่ 331
สติ
สตินี้นั้นมีการระลึก (การไม่ฟั่นเฟือน) เป็นลักษณะ ก็อีกนัยหนึ่ง สติมีการระลึกเป็นลักษณะ มีการไม่หลงลืมเป็นรส มีการอารักขา (การรักษาอารมณ์) เป็นปัจจุปัฏฐาน หรือมีการมุ่งต่ออารมณ์ เป็นปทัฏฐาน มีการจำได้อันมั่นคงเป็นปทัฏฐาน หรือว่ามีกายคตาสติปัฏฐาน เป็นต้น เป็นปทัฏฐาน
วิตก
วิตกฺเกตีติ วิตกฺโก วิตกกฺนํ วา วิตกฺโก ธรรมที่ชื่อว่า วิตก เพราะอรรถว่า ตรึก อีกอย่างหนึ่ง การตรึก คือ การจดอารมณ์ ชื่อว่า วิตก. วิตกนี้นั้น มีการยกจิตขึ้นในอารมณ์เป็นลักษณะ วิตกนี้นั้น มีการยกจิตขึ้นในอารมณ์เป็นลักษณะ (อารมฺมเณ จิตฺตสฺสอภินิโรปนลกฺขโณ) วิตกนั้นมีการกระทำให้จิตกระทบอารมณ์บ่อยๆ เป็นรส (อาหนนปริยาหนนรโส) จริงอย่างนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า พระโยคาวจรย่อมกระทำจิตนั้น อันวิตกให้กระทบแล้วบ่อยๆ วิตกนั้นมีการนำจิตมาในอารมณ์เป็นปัจจุปัฏฐาน (อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยปจฺจุปฏฺฐาโน) และมีนามขันธ์ ๓ ที่เหลือ (เวทนา สัญญา วิญญาณขันธ์) เป็นปทัฏฐาน (เสสขนฺธตฺตยปทฏฺฐาโน) .
............................................
เวลาพูดถึง จิต จิตเกิดโดยไม่มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยไม่ได้ เจตสิกต้องเกิดร่วมด้วย และแต่ละเจตสิกก็ทำกิจการงานของเจตสิกนั้นๆ แต่กล่าวถึงจิตได้และก็รวมถึงเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยทั้งหมด (เช่น จิตโกรธ ความจริงถ้าไม่มีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตขณะนั้นจะเป็นลักษณะของโทสะที่มีความโกรธปรากฏไม่ได้เลย) วิตกเจตสิก จรด ตรึกในอารมณ์ ส่วน จิต เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้สิ่งที่ปรากฏมี แต่ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตเป็นใหญ่ในการรู้ เพราะฉะนั้นกว่าที่เราคิดว่า เรารู้จักชื่อวิตกเจตสิกเป็นสภาพที่ตรึกหรือจรด แต่ขณะนี้ไม่สามารถรู้ วิตก ได้เลย เพราะเหตุว่า แม้จักขุวิญญาณเกิดเห็น แล้วดับไป จิตที่เกิดสืบต่อยังต้องมีวิตกเจตสิกเกิดร่วมด้วย แม้ไม่คิดเป็น คำๆ เลย แต่ก็ต้องจรดในสิ่งที่เพิ่งรู้ด้วยจักขุวิญญาณ เพราะจิตนี้เป็นสัมปฏิจฉันนจิตที่เกิดต่อ ไม่ได้ทำทัสสนกิจ ทั้งๆ ที่มีอารมณ์นั้นเอง แต่กิจของสัมปฏิจฉันนะ เพียงรับรู้อารมณ์นั้นต่อ ซึ่งต้องมี วิตกเจตสิกเกิดร่วมด้วย แล้วใครจะไปรู้ลักษณะของ วิตกเจตสิก ถ้ายังไม่รู้ลักษณะของนามธรรม เวลาที่นามธรรมเกิดปรากฏเป็นลักษณะของสภาพที่ต่างจากรูปธรรม ขณะนั้นก็มีทั้งจิต เจตสิก เกิดร่วมด้วย.
วิตกเจตสิก จรดหรือตรึกในอารมณ์ที่เพิ่งรู้ด้วยจักขุวิญญาณเมื่อจักขุวิญญาณดับไปซึ่งเป็นปรมัตถอารมณ์ ยังไม่เป็นเรื่องราว สัตว์ บุคคล สิ่งของต่างๆ เลย นั่นคือ วิตกจริงๆ เพราะฉะนั้น วิตกที่เกิดกับจิตอื่นทั้งหมด ก็แล้วแต่ว่าจิตนั้นจะมีอารมณ์อะไร ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะไม่เข้าใจ สัมมาสังกัปปะซึ่งเป็นมรรคหนึ่งใน มรรคมีองค์ ๘ เพราะขณะนั้น ไม่ได้ตรึกในชื่อ แต่เป็นลักษณะของสภาพที่สติสัมปชัญญะกำลังระลึก.
ขอเชิญคลิกฟังเพิ่มได้ที่...
วิตกเจตสิก เป็นได้ทั้งสัมมาสังกัปปะ หรือ มิจฉาสังกัปปะ
ความวิจิตรของความคิด
..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..
ขออนุโมทนาครับ