รบกวนถามเรื่องเทวดาประจำตัวหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ในหมู่สัตว์โลกที่สมมติขึ้นจากสภาพธรรมที่มีจริงคือ จิต เจตสกิ รูปนั้น สัตว์โลกก็มีมากมาย แบ่งเป็นไปตามกรรมและภพภูมิต่างๆ ตามผลของกรรมที่ให้ผลครับ เทวดาก็เป็นภพภูมิหนึ่งเกิดจากผลของกุศลกรรมทีประณีต
สำหรับประเด็นเรื่องของเทวดาประจำตัวมีหรือไม่ ก่อนจะพูดถึงเทวดา เรามาพูดถึงชีวิตประจำวันก่อนครับว่า มีคนที่หวังดีกับเราบ้างไหม คอยช่วยเหลือเรา เกื้อกูลเรา เป็นมิตรกับเรา ก็ต้องมีบ้างใช่ไหมครับ คนที่คอยช่วยเหลือเป็นมิตรกับเรา อย่างน้อยก็เป็นบิดา มารดาของเราเองครับ จะเรียกว่าท่านเป็นเทวดาที่รักษาเราได้ไหม ประจำตัวเรา หรือเพื่อนที่จริงใจคอยช่วยเหลือก็มีอยู่ จะเรียกว่าเพื่อนนั้นว่าเป็นเทวดาที่รักษาเราได้ไหม อันนี้เป็นการยกตัวอย่างว่า คนที่คอยช่วยเหลือเราในชีวิตประจำวัน คอยรักษาเรามีอยู่ครับ ไม่มากก็น้อย
เมื่อพูดถึงสัจจะความจริงแล้ว การที่เรามีคนที่คอยช่วยเหลือ รักษาคุ้มครองหวังดีกับเรานั้นเพราะอะไร ทุกอย่างจะต้องมีเหตุครับ นั่นคือเพราะกรรมดีของเราเองที่ทำไว้ เมื่อกรรมดีให้ผลก็ย่อมทำให้มีผู้ช่วยเหลือ รักษาปกป้องคุ้มครองเราให้พ้นจากอันตรายหรือให้ได้รับสิ่งดีๆ เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องของกรรมคือกรรมดีที่ทำไว้นั่นเองครับ ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า บุญเปรียบเหมือนมิตร เพราะว่ามิตรย่อมนำสิ่งดีมาให้เพื่อนฉันใด บุญหรือกรรมดีเมื่อให้ผล ก็ย่อมนำสิ่งดีๆ ต่างๆ ปกป้องคุ้มครองเราให้พ้นจากอันตราย และพบสิ่งที่ดีๆ ครับ กรรมนั่นเองที่จัดสรร
เมื่อพูดถึงเทวดาประจำตัว ที่กล่าวไปแล้วครับที่ได้ยกตัวอย่างว่าในชีวิตประจำวันในโลกมนุษย์ ก็ยังมีคนที่หวังดี คนที่คอยช่วยเหลือเรา เป็นมิตรกับเรา อันเนื่องมาจากกรรมดีที่ทำไว้ทำให้มีคนที่รักษา คุ้มครองเราในโลกมนุษย์ จะเห็นได้ว่าการจะมีคนที่คอยรักษา คุ้มครองก็จะต้องเป็นผลของกรรมดี คือกรรมดีที่ทำไว้ ซึ่งในโลกมนุษย์นี้ คนที่ทำดี เป็นผู้สะสมบุญมามากก็มีอยู่ ผลของบุญนั้นก็ต้องมีเทวดาที่รักษา คุ้มครองบุคคลนั้น อันเกิดจากผลของบุญของบุคคลนั้นที่ทำไว้ครับ
แต่ถามว่าจะต้องมีเทวดาประจำตัวที่คอย ปกป้องรักษา คุ้มครองหรือไม่ คงไม่เช่นนั้นครับ เพราะต้องเป็นบุคคลที่สะสมบุญมามากจึงจะมีเทวดาที่คอยรักษาคุ้มครอง เพราะเทวดาเขาก็มีกิจมาก มีการเล่นเป็นส่วนมาก ดังนั้น ผู้ที่จะมีการรักษาคุ้มครองจากเทวดาจะต้องเป็นผู้มีบุญ
ขอยกตัวอย่างดังเช่น พระโพธิสัตว์ในอดีตชาติท่านก็มีเทวดารักษาคุ้มครอง ดังเช่นเรื่องพระมหาชนก ก็มีนางมณีเมขลา ผู้เป็นเทวดาคอยช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองเป็นประจำกับตัวพระโพธิสัตว์ หรือเรื่องสังขพราหมณ์ พระโพธิสัตว์ก็มีเทวดาคอยรักษาคุ้มครอง จะเห็นได้ว่าต้องเป็นผลของบุญและเป็นผู้มีบุญมากจึงจะมีเทวดารักษา เพราะถ้าไม่มีบุญจะมีเทวดาหรือบุคคลใดรักษาไม้่ได้เลยครับ จึงเป็นเรื่องของกรรมดีที่ทำไว้นั่นเอง
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
พระโพธิสัตว์มีเทวดาคอยรักษา [สังขพราหมณจริยา]
ดังนั้น เทวดาประจำตัวที่คอยรักษาบุคคลใด บุคคลหนึ่งมีอยู่ ดังเช่นที่ผมเปรียบเทียบว่าแม้ในโลกนี้ก็มีคนที่คอยช่วยเหลือก็มีอยู่ อันเกิดจากกรรมดีทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเทวดาประตัวรักษา เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมีบุญมาก ผู้ที่สะสมบุญมามากเท่านั้นจึงจะมีคนที่คอยรักษาเพราะบุญของบุคคลนั้นทำมา ดังเช่นพระโพธิสัตว์
บุญไม่สาธารณะกับทุกคนที่ไมได้สะสมอุปนิสัยหรือความดีมา เพราะฉะนั้นการมีคนรักษา มีเทวดาปกป้องคุ้มครองก็ไม่สาธารณะกับทุกคนเช่นกันครับ ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องของกรรมและผลของกรรมจริงๆ ครับ ในการที่จะมีการรักษา ไม่มีการัักษาบุคคลนั้นครับ
ดังนั้น เทวดาประจำตัวจึงไม่ใช่มีทุกคนที่จะมาปกป้องรักษา เพราะเทวดาก็ย่อมรักษาคนที่มีคุณธรรมสูง เป็นคนดีมีพระโพธิสัตว์ เป็นต้น ที่สำคัญเป็นเรื่องของกรรมทั้งสิ้น
แต่ข้อคิดที่สำคัญคือว่าหากเรามั่นคงในสัจจะแล้ว ไม่มีใครรักษาเราได้นอกจากกรรมของเราเอง เมื่อมีเหตุปัจจัย แม้มีเทวดาคอยรักษาอยู่ เทวดานั้นก็หลงลืมที่จะไม่ได้ปกป้องรักษาได้ เพราะอะไร เพราะกรรมไม่ดีให้ผลนั่นเอง ดังเช่น สังขพราหมณ์เรือแตก ตกทะเล ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ให้นางมณีเมกขลาที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ตั้งไว้ให้ดูแล แต่ ๗ วันนั้นหลงลืมไม่ได้ดูพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จึงต้องว่ายน้ำอยู่ในทะเล ๗ วัน นี่แสดงให้เห็นว่า หากกรรมไม่ดีให้ผลใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่เมื่อกรรมดีให้ผล ก็มีสิ่งต่างๆ คอยช่วยเหลือครับ
ดังนั้น พุทธบริษัทจึงต้องมั่นคงในเรื่องของกรรม ไม่มีใครทำร้ายหรือรักษาเราได้นอกจากบุญและบาปที่เป็นกรรมที่เราทำเองครับ จึงไม่ควรประมาทในอกุศลแม้เพียงเล็กน้อยและเจริญกุศลทุกๆ ประการ อบรมปัญญา ครับ คนดีผีคุ้ม คงเหมาะกับเรื่องนี้แต่สัจจะแล้ว ทำกรรมดี กรรมดีย่อมคุ้มครองครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุญาตร่วมสนทนาประเด็นนี้ด้วยนะครับ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ ท่านครับ ขอเรียนถามคุณ chaiyakit ว่า เหตุใดจึงมีความสนใจในเรื่องของเทวดาประจำตัวครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมสนทนาในอีกมุมมองหนึ่ง ครับ ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของคำสอน ย่อมเป็นเครื่องเตือนที่ดี เพื่อให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจถูก เห็นถูก มีความประพฤติที่ดีงามทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ จนกระทั่งสูงสุดเพื่อความเป็นผู้หมดจดจากกิเลส สิ่งที่ควรรู้ความศึกษาที่สุด คือ พระธรรม จะเห็นได้ว่าตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ การเวียนว่ายตายเกิด ย่อมมีอยู่ตราบนั้นไม่เป็นสุคติภูมิก็เป็นทุคติภูมิ ตามกรรม และการเกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่งนั้น ไม่ยั่งยืนเลย สั้นมาก เป็นที่พักชั่วคราว พักแล้วก็ต้องเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์
ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พร้อมทั้งประพฤติธรรม มีกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น เพราะภูมิมนุษย์ เป็นภูมิที่เอื้ออำนวยให้สามารถเจริญกุศลได้ทุกๆ ประการ ทั้งในเรื่องของการให้ทาน รักษาศีล การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น การอ่อนน้อมถ่อมตน การฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เป็นต้น เพราะถ้าเทียบกันระหว่างกุศลกับอกุศลแล้ว กุศลย่อมดีกว่าอกุศล กุศลนำมาซึ่งความแช่มชื่นแห่งจิต ไม่นำมาซึ่งความเดือดร้อน เป็นที่พึ่งได้จริงๆ ที่ได้รับสิ่งที่ดี น่าใคร่น่าพอใจในชีวิตประจำวัน ก็เป็นเพราะได้กระทำเหตุที่ดี คือ กุศลกรรมไว้ นั่นเอง และถ้าหากมีความเข้าใจว่า เทวดา ซึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสวรรค์ชั้นต่างๆ ซึ่งมีด้วยอำนาจของกุศลกรรม มีจริง ถ้าหากปรารภว่า ถ้าเราเป็นผู้ประมาทมัวเมา ประพฤติตนไม่เหมาะสม เป็นอกุศลธรรม เทวดาอาจจะเห็นพฤติกรรมดังกล่าวของเราได้ แล้วมีความละอายมีความเกรงกลัวที่จะถอยกลับจากอกุศล แล้วมีความตั้งมั่นในกุศลธรรม ยิ่งๆ ขึ้นไป อย่างนี้ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์กว่า แทนที่จะไปคิดให้เทวดามาคุ้มครอง หรือ มีเทวดาประจำตน ก็เปลี่ยนเป็นปรารภเทวดาแล้ว เป็นผู้มีความเจริญยิ่งขึ้นในกุศลธรรม ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปันครับ
ดิฉันก็สนใจเรื่องเทวดาประจำตัวเหมือนกัน เพราะถ้ารู้ว่ามีประจำจริงๆ ก็จะได้อุทิศส่วนกุศลให้น่ะค่ะ
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
สำหรับในเรื่องการอุทิศส่วนกุศล เราสามารถอุทิศกุศลได้ ไม่ว่าจะมีเทวดาประจำตนหรือไม่มีก็ตาม เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาแล้วที่จะไม่เคยเป็นญาติกันไม่มีเพราะสังสารวัฏฏ์นั้นยาวนาน เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำบุญใด ก็สามารถอุทิศส่วนกุศลได้ โดยไม่ไ่ด้จำกัดเลยว่าจะเป็นเทวดาองค์ใด รวมทั้งสามารถอุทิศส่วนกุศลให้กับเปรตได้ ซึ่งเปรตหรือเทวดาองค์ใดมีจิตล่วงรู้และอนุโมทนา ก็สามารถรับส่วนกุศลที่บุคคลอื่นได้ทำ ด้วยเพราะจิตของผู้อนุโมทนาในขณะนั้นเป็นกุศลจิตของบุคคลนั้นเอง กรรมดีของตนเองจึงส่งผลให้ได้รับวิบากที่ดีครับ ดังนั้นจะมีหรือไม่มีเทวดาคอยรักษา ประจำตัวหรือไม่ก็ตามการอุทิศส่วนกุศลก็เป็นกุศลอย่างหนึ่งที่ควรทำควรเจริญเพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลายที่ล่วงรู้และได้รับประโยชน์จากการอนุโมทนาบุญนั้นครับ
ขออนุโมทนา
ค่ะ คุณเผดิม ปกติก็จะอุทิศส่วนกุศลเป็นปกติอยู่แล้ว แทบไม่ได้เจาะจง เพียงแต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเทวดาประจำตัว
ครับ ขออนุโมทนาคุณ sensory ด้วยครับที่อุทิศส่วนกุศลเป็นประจำ ซึ่งตามที่ได้เรียน กล่าวไปแล้วครับเรื่องเทวดาที่คอยปกป้องรักษา ประจำตัวของใครคนหนึ่งนั้นจะต้องเป็นผู้สะสมบุญมามากมีพระโพธิสัตว์ เป็นต้น ครับ ซึ่งไม่สาธารณะกับทุกคนครับ
ขอโมทนาและ ขอขอบคุณ_/I_ คุณเผดิม ที่นำความกระจ่างครับ... คุณชัยยุทธครับ... คือผมอยากรู้ เพราะพ่อ-แม่ ปู่ย่า ตายาย เล่า สืบๆ กันมา ผมไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่าครับ หรือเป็น กุศโลบาย ของคนโบราณ หรือเป็นของศาสนาโบราณที่มีมาก่อนศาสนาพุทธ อะไรประมาณนี้
ต้องมีความมั่นคงในเรื่องของกรรมและผลของกรรม บุคคลอื่นจะทำอะไรได้ ถ้าเราทำกุศล ทำความดี ผลของกุศลก็ให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงค่ะ และปกติเทวดามีความสุข เสวยสุขตามที่เป็น ส่วนมากเทวดาไม่ค่อยมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ บางครั้งเทวดาเขาจำได้ว่าเขาเคยเป็นเพื่อนกับคนนี้ เขาก็อาจจะมาช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ เช่น เทวดาที่เคยเป็นเพื่อนกับพระภิกษุ ได้มาเตือนให้เพื่อนที่เห็นผิดอยู่ว่าพระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว ให้ไปฟังธรรม ตอนหลังท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ
ขอขอบพระคุณครับ_/I\_ คุณ wannee.s
เทวดามีแต่สุข สุขนั้นไม่ยั่งยืน หมดบุญก็รับบาปต่อ น่ากลัวจริงๆ ค่ะ ในขณะเป็นเทวดามีรับทุกข์อะไรบ้างค่ะ เพราะว่าก็ยังมีขันธ์อยู่
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง เพราะที่พึ่งอื่นเป็นที่พึ่งชั่วคราว ไม่มั่นคง ไม่เหมือนกุศลและปัญญาเป็นที่พึ่งที่ดีกว่า ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
สาธุครับ