เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นย่อมเห็นแม้ทุกขสมุทัย ย่อมเห็นแม้ทุกขนิโรธ ย่อมเห็นแม้ทุกขมินีปฏิปทา ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ผู้ใดเห็นทุกข์ย่อมเห็นแม้ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ด้วยหมายความว่า การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เพื่อรู้ นาม รูปตามปกติ เนืองๆ บ่อยๆ ก็คือเจริญมรรคมีองค์ ๕ นั่นเองและในขณะที่เจริญมรรคก็เป็นการละสมุท้ย ในขณะที่ปัญญาเจริญขึ้นรู้สภาพธรรม ก็คือ ทุกขนิโรธ การอบรมเจริญก็คือ การเห็นนั่นเอง ดังนั้น เราผู้บำเพ็ญเพียรก็ระลึกรู้ลักษณะของนาม รูปที่กำลังปรากฏ เนืองๆ บ่อยๆ จนเห็นทุกข์ โดยไม่จดจ้อง ต้องการนะครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานค่ะ
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ ๑๒๙
ก็ครั้นอนิจจลักษณะนั้น อันท่านเห็นแล้ว ทุกขลักษณะและอนัตตลักษณะก็ย่อมเป็นอันเห็นแล้วเหมือนกัน ภพ ๓ ปรากฏแล้วแก่ท่านดุจไฟติดทั่วแล้ว และดุจซากศพอันบุคคลผูกไว้ที่คอ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์ กล่าวย้ำในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงรู้ว่า สิ่งที่ควรเห็นอย่างยิ่งคือทุกข์ของสภาพธรรมแต่ละหนึ่งในขณะนี้
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ