ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอน จากเทปวิทยุแผ่นที่ ๒๗ ครั้งที่ ๑๕๗๓
"ความละเอียดของหิริ โอตตัปปะ อธิบายเรื่องบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ" บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย วันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๙
บุญญกิริยาวัตถุ ประการที่ ๘ คือ "สมถภาวนา" หรือ ความสงบของจิต จากอกุศล ในวันหนึ่งๆ ในขณะที่เป็นอกุศล อย่างอ่อนๆ ที่ไหลซึมไป ตามอารมณ์ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ย่อมไม่เห็น ว่า เป็นโทษ เป็นภัยและดูเหมือนว่า เป็นชีวิตปกติธรรมดา ของทุกคน แต่ว่า บางวัน ไม่เป็นอย่างนั้น บางวัน อกุศลมีกำลังขึ้น มีความกระวนกระวาย กระสับกระส่ายเพราะ อกุศลเหล่านั้น กลุ้มรุมจิตใจเป็น "นิวรณธรรม" ซึ่ง ขัดขวางการเจริญของกุศล เพราะ (เช่น) ว่า บางคน แม้ได้เตรียมการกุศลไว้แล้วแต่พอ "นิวรณธรรม" ประการใดประการหนึ่งเกิดขึ้นก็ล้มเลิก การกระทำกุศลนั้นได้
สำหรับ "อกุศล" ที่เป็น "นิวรณ์" ที่กลุ้มรุมจิตใจซึ่งทำให้จิตใจ มีความรู้สึกกระสับกระส่าย กระวนกระวาย นั้นหากเกิดขึ้น และ มีกำลังมากกว่า "กุศล" ที่เป็นปกติ (กุศลปกติ) ที่ไหลซึมไปตามอารมณ์ต่างๆ (อกุศลที่เป็นนิวรณ์ เช่น "กามฉันทะ" ความยินดีพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์) ถ้า "กามฉันทะ" มีกำลังมากกว่า ก็จะเป็น "เหตุ" ทำให้จิตใจกระสับกระส่าย เร่าร้อน กระวนกระวาย ในขณะนั้น มี หิริ โอตตัปปะ เกิดไหม ในขณะนั้น เห็นโทษไหม ว่า ขณะนั้น เป็นเพราะอะไร เพราะ "โลภะ" เพราะเกิดความยินดี ความเพลิดเพลิน พอใจ ในขณะนั้น ซึ่ง ถ้าเพียงแต่ ไม่มีความพอใจไม่เพลิดเพลิน ไม่ยินดี ในขณะนั้น เท่านั้น ความเร่าร้อน ความกระสับกระส่ายความกระวนกระวาย ในขณะนั้น ก็ไม่มี แต่ ถ้าขณะนั้น หิริ โอตตัปปะ ไม่มี ก็ ไม่ละอาย และ ไม่เห็นโทษ ใน "อกุศลธรรม" นั้นๆ
... ขออนุโมทนา ...
ถ้า "กามฉันทะ" มีกำลังมากกว่า ก็จะเป็นเหตุทำให้จิตใจกระสับกระส่าย เร่าร้อน กระวนกระวาย ในขณะนั้น มี หิริ โอตตัปปะ เกิดไหม ในขณะนั้น เห็นโทษไหม ว่า ขณะนั้น เป็นเพราะอะไร เพราะ "โลภะ" เพราะเกิดความยินดี ความเพลิดเพลินพอใจ ในขณะนั้น
กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ในชีวิตประจำวัน อกุศลเกิดมากกว่ากุศล และอกุศลที่เกิดบ่อยคือ "โลภะ "ความยินดี ความเพลิดเพลิน พอใจ "โลภะ" เป็นสมุทัย เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง เมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันจะสะสมจนมีกำลังที่จะไม่มี หิริ โอตตัปปะ คือ ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่มีความเกรงกลัวต่ออกุศลธรรม พร้อมที่จะกระทำทุจริตกรรม จึงควรฟังพระธรรมให้เข้าใจเห็นโทษของอกุศลธรรม และอบรมเจริญกุศลทุกประการ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น จะเป็นปัจจัยให้มี หิริ โอตตัปปะ มากขึ้นและเห็นโทษของอกุศลธรรมทั้งหลาย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอขอบคุณครับ (หิริ โอตฯ เรานี่ อ่อน ขันติ เราก็ อ่อนตาม ทำให้ โลภะมีกำลัง ทำในสิ่งที่ชั่ว)
ขออนุโมทนาครับ