ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านผู้ฟัง ที่ว่า สร้างเหตุใหม่ คืออะไร
ท่านอาจารย์ หลังจากที่เห็นแล้ว นั่นแหละ เหตุใหม่เกิดขึ้นแล้ว ชอบ ไม่ชอบ เป็นเหตุใหม่ ไม่ใช่ผลผลของกรรม คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จุติจิตและขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกายนอกจากนี้ ไม่ใช่ผลของกรรม
ท่านผู้ฟัง แล้วกรรมใหม่ที่กระทำนี้เป็นการสะสมมาจากอดีตชาติ ใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่สะสมโลภะมา โลภะก็เกิดไม่ได้ถ้าไม่สะสมโทสะมา โทสะก็เกิดไม่ได้เมื่อสะสมมา ทั้งโลภะ โทสะ ก็เป็น เหตุปัจจัย ให้สร้างกรรมใหม่ต่อไป กรรมใหม่มีทั้ง กุศลกรรม และ อกุศลกรรมเป็นเรื่องของกิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วิบากวัฏฏ์
บรรยายโดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
กิเลสวัฏฏ์
กิเลส (เครื่องเศร้าหมอง) + วฏฺฏ (การวน ความหมุนเวียน)
สภาพที่หมุนเวียน คือ กิเลส หมายถึง อวิชชา คือ โมหเจตสิก และ ตัณหา คือ โลภเจตสิก ซึ่งเป็นวัฏฏมูล คือ เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนไปในภพต่างๆ ไม่มีที่สุด เพราะอวิชชา ซึ่งเป็นความไม่รู้ และตัณหา ซึ่งเป็นความทะยานอยาก จึงเป็นปัจจัย ให้มีการกระทำ ทั้งที่เป็น กุศลกรรม และ อกุศลกรรม ทำให้เกิดวิบาก เป็นสังสารวัฏฏ์ต่อไป
ข้อมูลจาก "ธัมมนิทเทส"
ขออนุโมทนา
สาธุ
อกุศลเหตุ ๓ ได้แก่ โลภะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ เกิดกับอกุศลจิตอย่างเดียวกุศลเหตุ ๓ ได้แก่ อโลภะ ๑ อโทสะ ๑ อโมหะ ๑ เกิดกับกุศลจิต ผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ย่อมจะมีการสร้างเหตุใหม่ด้วยกุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้าง
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ