ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 25 - 26
วิภังคสูตร
อริยมรรค ๘
[๓๓] สาวัตถีนิทาน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง จักจำแนกอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ แก่เธอทั้งหลายเธอทั้งหลาย จงฟังอริยมรรคนั้น จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว ภิกษุพวกนั้น ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉนคือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ
[๓๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน ความรู้ในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ.
[๓๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสังกัปปะ เป็นไฉน ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในอันไม่พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียนนี้เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ.
[๓๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาวาจา เป็นไฉน เจตนาเครื่องงดเว้นจากพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ นี้เรียกว่า สัมมาวาจา.
[๓๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็ สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน เจตนาเครื่องงดเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน จากอพรหมจรรย์ นี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ
[๓๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาอาชีวะ เป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย สำเร็จชีวิตอยู่ ด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบนี้เรียกว่า สัมมาอาชีวะ.
[๓๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็ สัมมาวายามะ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามก ที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมอันลามก ที่บังเกิดขึ้นแล้วเพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน เพิ่มพูน ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งกุศลธรรม ที่บังเกิดขึ้นแล้ว นี้เรียกว่า สัมมาวายามะ.
[๔๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็ สัมมาสติ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม เนืองๆ อยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย นี้เรียกว่า สัมมาสติ.
[๔๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. เธอบรรลุทุติยฌานมีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุข เกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข. เธอบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขเพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติ บริสุทธิ์อยู่นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ
จบ วิภังคสูตรที่ ๘
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
* * * ขอบคุณมากครับ และ อนุโมทนากุศลจิตนะครับ * * *
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น