ไม่เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า.......
โดย pirmsombat  20 มิ.ย. 2554
หัวข้อหมายเลข 18590

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 4

........................

เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า

เราเป็นรูป รูปของเรา เมื่อเขาตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นรูป

รูปของเรา รูปนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะรูปแปรปรวน

เป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจึงเกิดขึ้น

ย่อมเห็นเวทนาโดยความเป็นตน ๑ ย่อมเห็นตนมีเวทนา ๑ ย่อมเห็น

เวทนาในตน ๑ ย่อมเห็นตนในเวทนา ๑ เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า

เราเป็นเวทนา เวทนาของเรา เมื่อเขาตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็น

เวทนา เวทนาของเรา เวทนานั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะ

เวทนาแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและ

อุปายาสจึงเกิดขึ้น ย่อมเห็นสัญญา โดยความเป็นคน ๑ ย่อมเห็นตนมี

สัญญา ๑ ย่อมเห็นสัญญาในตน ๑ ย่อมเห็นตนในสัญญา ๑ เป็นผู้ตั้งอยู่

ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นสัญญา สัญญาของเรา เมื่อเขาตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นสัญญา สัญญาของเรา สัญญานั้นย่อมแปรปรวน

เป็นอย่างอื่นไป เพราะสัญญาแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ

ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจึงเกิดขึ้น ย่อมเห็นสังขารโดยความเป็นคน ๑

ย่อมเห็นตนมีสังขาร ๑ ย่อมเห็นสังขารในตน ๑ ย่อมเห็นตนในสังขาร ๑

เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นสังขาร สังขารของเรา เมื่อเขา

ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นสังขาร สังขารของเรา สังขารนั้นย่อม

แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะสังขารแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป

โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจึงเกิดขึ้น ย่อมเห็นวิญญาณ

โดยความเป็นคน ๑ ย่อมเห็นตนมีวิญญาณ ๑ ย่อมเห็นวิญญาณในตน ๑

ย่อมเห็นตนในวิญญาณ ๑ เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็น

วิญญาณ วิญญาณของเรา เมื่อเขาตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็น

วิญญาณ วิญญาณของเรา วิญญาณนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป

เพราะวิญญาณแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส

และอุปายาสจึงเกิดขึ้น ดูก่อนคฤหบดี ด้วยเหตุอย่างนี้แล

บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีกายกระสับกระส่าย และเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่าย.

ไม่เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า

เราเป็นรูป รูปของเรา เมื่ออริยสาวกนั้นไม่ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่าเราเป็นรูป รูปของเรา รูปนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะรูป

แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส

จึงไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่เห็นเวทนาโดยความเป็นตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนมี

เวทนา ๑ ย่อมไม่เห็นเวทนาในตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนในเวทนา ๑ ไม่เป็น

ผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นเวทนา เวทนาของเรา เมื่ออริยสาวก

นั้นไม่ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นเวทนา เวทนาของเรา เวทนานั้น

ย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะเวทนาแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป

โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจึงไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่เห็น

สัญญาโดยความเป็นตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนมีสัญญา ๑ ย่อมไม่เห็นสัญญา

ในตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนในสัญญา ๑ ไม่เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า

เราเป็นสัญญา สัญญาของเรา เมื่ออริยสาวกนั้นไม่ตั้งอยู่ด้วยความ

ยึดมั่นว่า เราเป็นสัญญา สัญญาของเรา สัญญานั้นย่อมแปรปรวนเป็น

อย่างอื่นไป เพราะสัญญาแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ

ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจึงไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่เห็นสังขารโดยความ

เป็นตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนมีสังขาร ๑ ย่อมไม่เห็นสังขารในตน ๑ ย่อมไม่

เห็นตนในสังขาร ๑ ไม่เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นสังขาร

สังขารของเรา เมื่ออริยสาวกนั้นไม่ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็น

สังขาร สังขารของเรา สังขารนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป เพราะ

สังขารแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและ

อุปายาสจึงไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่เห็นวิญญาณโดยความเป็นตน ๑ ย่อมไม่

เห็นตนมีวิญญาณ ๑ ย่อมไม่เห็นวิญญาณในตน ๑ ย่อมไม่เห็นตนใน

วิญญาณ ๑ ไม่เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็นวิญญาณ

วิญญาณของเรา เมื่ออริยสาวกนั้นไม่ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า เราเป็น

วิญญาณ วิญญาณของเรา วิญญาณนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไปเพราะวิญญาณแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส

และอุปายาสจึงไม่เกิดขึ้น ดูก่อนคฤหบดี อย่างนี้แล

บุคคลแม้มีกายกระสับกระส่าย แต่หาเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายไม่.

ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวคำนี้แล้ว นกุลปิตุคฤหบดีชื่นชมยินดี

ภาษิตของท่านพระสารีบุตร ฉะนี้แล.

จบ นกุลปิตุสูตรที่ ๑



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 20 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอครับ


ความคิดเห็น 2    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 21 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย pamali  วันที่ 21 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 4    โดย pirmsombat  วันที่ 21 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณเผดิมและทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 5    โดย nong  วันที่ 22 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 22 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 7    โดย bsomsuda  วันที่ 23 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 24 มิ.ย. 2554

ปัญญรู้ความต่างกันของกุศลและอกุศล และถ้าัปัญญาเจริญขึ้น ก็รู้ว่าทั้งหมด

เป็นธรรมะที่ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้นค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย นาวาเอกทองย้อย  วันที่ 24 มิ.ย. 2554

มีคำว่า โดยความเป็นตน (ตน ต เต่า) ที่พิมพ์พลาดไปเป็น โดยความเป็นคน

(คน ค ควาย) 3 แห่ง คือ บรรทัดที่ 10, 15 และ 21 นับจากบรรทัด เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วย

ความยึดมั่นว่า .. ลงมา

สำหรับท่านญาติธรรมที่ยังไม่คุ้นกับสำนวนธรรมะ เมื่ออ่านพบคำว่า โดยความ

เป็นคน (คน ค ควาย) ในบรรทัดที่กล่าวข้างต้นโน้น โปรดทราบว่าพิมพ์พลาดไปนะ

ครับ กระผมเข้าใจว่าเป็นเพราะในแป้นพิมพ์นั้น ค ควาย กับ ต เต่า อยู่ติดกัน เวลาพิมพ์

จึงกดพลาดไปโดยมิได้มีเจตนา แต่พอดีคำว่า โดยความเป็นคน (คน ค ควาย) อาจตี

ความให้ได้ความหมายได้ด้วย (แต่เป็นความหมายที่ไม่ถูกต้องตามความหมายในพระ

สูตรนี้) จึงขออนุญาตช่วยตรวจปรู๊ฟให้ (ดูแลกันและกัน) เผื่อจะมีท่านผู้ใดจับเอาไปตี

ความผิดๆ - ขออภัย และขออนุโมทนาท่าน pirmsombat ที่นำธรรมะดีๆ มาฝากญาติ

ธรรมครับ