พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 409-410
๒. เอตังมมสูตร
ว่าด้วยเหตุแห่งการยึดมั่นว่าเป็นของเรา [๓๔๘] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมั่นอะไร บุคคลจึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นรากฐาน ฯลฯภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีรูปอยู่ เพราะอาศัยรูป เพราะยึดมั่นรูป บุคคลจึงตามเห็นว่า
นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา เมื่อเวทนามีอยู่... เมื่อสัญญามีอยู่... เมื่อ
สังขารมีอยู่... เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ บุคคลจึง ตามเห็นว่า นั่นของเรา เรา เป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา.
[๓๔๙] ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาบุคคล
พึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเราเพราะ
ไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ.ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
บุคคลพึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา
เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ?
ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ เอตังมมสูตรที่ ๒
ขอบคุณและอนุมทนาคุณเมตตามากครับ