ผมฟังยูทูป คำที่ควรฟังในชีวิตประจำ 29 ม.ค. 62 ท่านอาจารย์ ฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า
"ความเป็นจริงต้องเป็นจริงอย่างนี้นแน่ แต่ปัญญาที่จะเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงต้องค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ จากการฟังบ่อยๆ "
ประเด็นสนทนา
ปัญญาจะเกิดขึ้น เมื่อเห็นความเป็นจริง กล่าวคือ ความเป็นจริงเป็นส่วนหนึ่ง, ปัญญา ก็ เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ความเป็นจริง คือ สิ่งหนึ่งๆ เกิดขึ้น สิ่งนั้นๆ ดับไป.
ปัญญา คือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา
ยกตัวอย่าง ความในพระไตรปิฎกว่า "ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา". (ธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร)
คำสนทนา
ปัญญาจะเกิดขึ้น เมื่อเห็นความเป็นจริง กล่าวคือ :-
ความเป็นจริงเป็นส่วนหนึ่ง ปัญญา ก็ เป็นอีกส่วนหนึ่ง. ความเป็นจริง คือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้น สิ่งนั้นทั้งมวลดับ ปัญญา คือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงๆ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่ง และ สิ่งที่มีจริง นี้ ปัญญา สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ได้ ซึ่งจะต้องอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ จนมั่นคงจริงๆ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดที่เกิดปรากฏ ปัญญาก็สามารถรู้ตามความเป็นจริง ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ตรงตามที่ได้ฟังมาทุกประการ
สิ่งที่มีจริง ก็เป็นจริง ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น แม้แต่ปัญญา ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง แต่เป็นสภาพธรรมที่สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริงได้ แต่ ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตาม ก็คือ เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ทั้งหมด ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับท่าน
จากคำกล่าวของท่าน khampan.a ซึ่งกรุณาให้ความรู้ ผมขออนุญาตแยกออกเป็น ๒ ส่วน เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ดังนี้ :-
ส่วนของความจริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่ง
ส่วนของปัญญา คือ และ สิ่งที่มีจริง นี้ ปัญญา สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
ความอันมีส่วนเป็นอย่าง ๒ นี้ ถูกไหมครับท่าน
อนุโมทนาท่าน พล.ต.อินทวัชร ลี้จินดา ที่ได้พิจารณาไตร่ตรองและเข้าใจ ตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ครับ
สาธุ ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับท่าน,
อันว่าส่วนของปัญญานี้ ไม่ใช่แค่เข้าใจ อันต้องเห็นจริงว่า "เป็นธรรม ไม่ใช่เรา" และส่วนของสิ่งที่มีจริงนั้น ก็ ไม่ใช่แค่เข้าใจ อันต้องเห็นจริงว่า "เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ขออนุโมทนาครับ