เมื่อหลายวันก่อนผมได้ไปงานเผาศพ กับแม่ ก็มีสามเณรหลายองค์ที่บวชให้เพื่อ อุทิศกุศลให้ผู้ตายครับ แม่จึงบอกว่า ถ้าแม่ตายอยากให้ผมบวชสักเจ็ดวัน ผมเองก็ อึ้งไป ใจจริงอยากบวชมากเหมือนกัน แต่พระวินัยบัญญัติ ก็ปฎิบัติโดยยาก เช่น ใน เรื่องการรับเงินรับทองของพระภิกษุ ไม่ทราบว่าสหายธรรมจะให้ความคิดเห็นอย่างไร บ้าง ผมคิดอยู่สองข้อคือ ไม่บวชเป็นพระภิกษุ หรืออาจจะบวชเป็นสามเณร ข้อที่สอง คือ บิดามารดาก็อายุมากแล้วก็ใกล้จะถึงฝั่ง ในเรื่องวัดที่จะเผาให้ ท่านนั้น ควรเป็นวัดใดที่พระภิกษุ ไม่รับเงินและทอง ในกรณีที่ต้องให้ท่านมาสวดพระ อภิธรรม ไม่ทราบว่าสหายธรรม พอที่จะแนะนำให้ได้ไหม ครับ
ในสมัยครั้งพุทธกาลไม่มีประเพณีการบวชหน้าไฟน่าจะเป็นความเข้าใจผิด ของคนบางคนที่คิดว่า มีการบวชให้แก่ผู้ตายไปแล้ว ความจริงแล้วการบวช หน้าไฟไม่ได้สำเร็จประโยชน์อะไรแก่ผู้ตายเลย ในสมัยครั้งพุทธกาล เมื่อมี ญาติล่วงลับไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้กระทำทานแล้วอุทิศส่วนบุญ ให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วอนุโมทนา สำหรับเรื่องการเลือกวัดที่จะบำเพ็ญบุญแก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วถ้าสะดวกที่ ไหนก็ทำที่นั่นสมัยนี้จะหาวัดที่มีพระภิกษุไม่รับเงินทอง หายาก แต่เรากระทำให้ ถูกต้องได้โดยไม่ถวายเงินทองกับพระภิกษุโดยตรง โดยมอบให้กับเวยยาวัจจกร ก็ได้ หรือถวายเป็นสิ่งของแทนดีกว่าพระท่านจะได้ไม่ต้องอาบัติ
ข้อความในพระไตรปิฎก มิได้มีให้ บุตร บวชเมื่อ มารดา บิดา ตายแล้วเลย มีแต่ให้อุทิศส่วนกุศลให้ครับ ลองอ่านดูครับ
ข้อความบางตอนจาก..
สิงคาลกสูตร
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 88
[๑๙๙] ดูก่อนคฤหบดีบุตร มารดาบิดา เป็นทิศเบื้องหน้า อัน บุตรธิดาพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจว่า ท่านเลี้ยงเรามา เราจัก เลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์ตระกูล ๑ จักปฏิบัติ ตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศ ให้ท่าน ๑
การตอบแทนพระคุณ มารดา บิดา ก็ไม่ใช่รอให้ท่านตาย ขณะนี้ เราก็ปฏิบัติตนเป็นบุตรที่ดีได้ ดังข้อความในพระไตรปิฏกที่ยกมาแล้ว
อนุโมทนาครับ
แจ่มแจ้งครับ
อนุโมทนา
จะให้สมบัติทั้งแผ่นดินก็ไม่สามารถทดแทนคุณของพ่อแม่ได้หมด นอกจากให้พ่อ แม่ที่ไม่มีศรัทธา ให้ตั้งอยู่ในศรัทธา ไม่มีศีลให้ตั้งอยู่ในศีล ชักชวนให้พ่อแม่ได้ยินได้ ฟังธรรมะ เป็นต้น เช่น ท่านพระสารีบุตร แสดงธรรมให้มารดาฟังจนได้ดวงตาเห็น ธรรม คือ บรรลุเป็นพระโสดาบัน นี้ชื่อว่าเป็นการทดแทนคุณที่สูงสุด
ในความคิดของผมแล้ว ... ผมคิดว่า ความคิดของคุณ "แล้วเจอกัน" ถูกต้องที่สุดครับ แต่ถ้าถามความเห็นของผมแล้วผมคิดว่า * * การบวชหน้าไฟนั้น มิได้ก่อเกิดประโยชน์ใดแก่ที่ผู้สิ้นชีวิตหรือผู้บวชเลยสักเพียงนิด * * เพราะที่เค้าบอกกันมานานแล้วว่า "จะทำให้ผู้ตายได้บุญมากนั้น ชักผ้าเหลืองจนได้ขึ้นสวรรค์นั้น หรือ ... (ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม) " ถ้าเป็นจริงอย่างที่เค้าว่าแล้ว ... แล้วแบบนี้ มันก็เท่ากับว่า "ผู้ใหญ่ บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ถ้าเค้าเคยทำผิดอะไรไว้ (เคยเป็นคนดื้อตอนเด็ก ก้าวร้าวกับทวดๆ ๆ ของเรา) แบบนี้มันก็เท่ากับว่า คงล้างบาปได้ทั้งหมด โดยใช้ลูกหลานน่ะหรือครับ (ประมาณว่า พวกแกเป็นลูก-หลาน (ที่เป็นผู้ชาย) ของข้า ช่วยบวชให้ข้าหน่อย ข้าจะได้ขึ้นสวรรค์...!!!) " แบบนี้ ... นี่น่ะหรือครับ ..."ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ถ้าคุณสมาชิก หรือ ผู้ชมเว็บเห็นความคิดเห็นของผมแล้ว ลองคิดตามดูสิครับ ว่าจริงไหม?
คนที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่เห็นกิเลสของตัวเองและไม่ได้สะสมอุปนิสัยในการสละเพศคฤหัสถ์ แล้วบวช นั้น ไม่ใช่ผู้ที่จริงใจและไม่ใช่ผู้ตรง เพราะถามว่าบวชทำไม ถ้าตอบว่าเพราะเหตุนั้นๆ แต่ไม่ใช่เพราะได้เข้าใจพระธรรมและรู้อัธยาศัยของตนเองว่าเพื่อศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลสในเพศภิกษุตามพระธรรมวินัยแล้ว สมควรบวชไหม การบวชเป็นภิกษุไม่ใช่เป็นอยู่อย่างสบายให้ผู้คนกราบไหว้ แต่เพราะเป็นผู้ที่เห็นกิเลสและเห็นโทษของกิเลส และรู้ว่าหนทางเดียวที่จะขัดเกลากิเลสก็ด้วยความเข้าใจพระธรรมจึงบวชเพื่อศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าคฤหัสถ์ ฉะนั้น การดำรงชีวิตของคฤหัสถ์และบรรพชิตจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อ่านเพิ่มเติม
ทำไมบวช
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา