ขอเรียนถามว่า พระเวสสันดร จุติที่ดุสิต ทำไมอายุแค่ 4,000 ปีทิพย์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในความเป็นจริง พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ย่อมดำรงความเป็นดั่งเช่น พระเวสสันดร แล้ว จุติจากความเป็นพระเวสันดร เกิด อุบัติขึ้นในภพดุสิต ซึ่ง เป็นชาติสุดท้ายที่จะได้ เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่ง พระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในภพดุสิต ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น ย่อมดำรงอยู่ตลอดอายุ นั่นคือ สี่พันปีทิพย์ ตามที่ถามมาครับ
พระองค์ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว เทวดาทั้งหลายก็อาราธนาให้บังเกิดเป็นพะพุทธเจ้า ในภพภูมิมนุษย์ พระองค์ทรงพิจารณามหาวิโลกนะห้าประการว่า เหมาะสมที่จะบังเกิด เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ เช่น พิจาารณาอายุของมนุษย์สมัยนั้น พิจารณาตระกูลที่จะ เกิด เป็นต้น
ดังนั้นอายุในสวรรค์ชั้นดุสิต คือ สี่พันปีทิพย์ อาจจะคิดว่าไม่นาน แต่อายุของสวรรค์ กับ ของโลกมนุษย์แตกต่างกันมาก ซึ่ง สี่พันปีทิพย์ เท่ากับ ห้าร้อยเจ็ดหกล้านปีของ มนุษย์ครับ ซึ่ง อายุเพียง หนึ่งวันของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เท่ากับ หนึ่งร้อยปี มนุษย์แล้ว ครับ
[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 45
๑๐๐ ปีของมนุษย์เท่า ๑ วันในสวรรค์ ก็ ๑๐๐ ปีของพวกเรา เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของพวกเทพเจ้าชั้น ดาวดึงส์ ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็นเดือนหนึ่ง กำหนดด้วย ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็นปีหนึ่ง ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ โดยปีนั้น เป็นประมาณ อายุของเทพเจ้าชั้นดาวดึงส์ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์นั้น โดยการนับในมนุษย์ เป็น ๓ โกฏิ ๖ ล้านปี
ซึ่งขอยกข้อความที่พระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดในภพดุสิต ก่อนจะบังเกิดเป็น พระพุทธเจ้า แล้วดำรงอยู่ตลอดอายุ มีประมาณ ห้าร้อยเจ็ดสิบหกล้านปี ครบ อายุในภพดุสิต ครับ ไม่ใช่ สี่พันปี
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ -หน้า 40
[๓๖๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มี พระภาคเจ้าดังนี้ว่า ดูก่อนอานนท์ พระโพธิสัตว์ได้สถิตอยู่ในหมู่เทวดาชั้นดุสิต จนตลอดอายุ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรม ไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ หน้า - 117
ดำรงอยู่ในอัตภาพเป็นพระเวสสันดร ให้มหาทาน อันทำแผ่นดินให้ไหว๗ ครั้ง ทรงบริจาคพระโอรสและพระชายา. ในที่สุดพระชนมายุ ก็ทรงอุบัติในดุสิตบุรี ดำรงอยู่ในดุสิตบุรีนั้น ตลอดพระชนมายุ เมื่อเทวดาในหมื่นจักรวาลประชุม กันอาราธนาว่า "ข้าแต่พระมหาวีระ กาลนี้ เป็นกาลของพระองค์, ขอพระองค์ จงเสด็จอุบัติใน พระครรภ์พระมารดา ตรัสรู้อมตบท ยังโลกนี้กับทั้งเทวโลกให้ข้ามอยู่"
แต่จะขออธิบายเพิ่มเติมครับ ในประเด็นที่ว่า พระโพธิสัตว์ บังเกิดในภพดุสิต
แต่ไม่ดำรงอยุ่ตลอดอายุก็มี ครับ คือ หากพระโพธิสัตว์ไม่ได้เกิดในภพดุสิต ที่เป็นภพสุดท้ายก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า ในพระชาติก่อนๆ นั้น หากพระโพธิสัตว์เกิดเป็นเทวดา ที่มีอายุยืน มี ภพดุสิต หรือ เกิดในพรหมโลก พระโพธิสัตว์ ทั้งหลาย ย่อมไม่อยู่ตลอดอายุ แต่ย่อมทำกาละก่อนเอง ด้วยการอธิษฐานจิต เพื่อบังเกิดในภพภูมิมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ เพราะ ภพเทวดา และ พรหม ที่มีอายุยืน บำเพ็ญบารมีได้ไม่เท่ากับภพภูมิมนุษย์ครับ ดังนั้นการเกิดในภพดุสิต ของพระโพธิสัตว์ที่ไม่ใช่ชาติสุดท้าย ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ย่อมทำกาละ จุติ ก่อนเวลา ไม่อยู่ครบอายุเพื่อบำเพ็ญบารมี ครับ ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่ว่า
[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า 95
ก็ในกาลอื่น พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทรงอุบัติในเทวโลกที่สัตว์มีอายุยืน ย่อมไม่ ดำรงอยู่ตราบเท่าอายุนั้น. เพราะเหตุไร. เพราะทำบารมีให้เต็มได้ยากในที่นั้น. พระโพธิสัตว์เหล่านั้น กระทำอธิมุตตกาลกิริยา จึงบังเกิดในถิ่นของมนุษย์นั้นแล. บทว่า ยาวตายุกํ ถามว่า ในอัตภาพที่เหลือ พระโพธิสัตว์ไม่ดำรงอยู่จนตลอด อายุหรือ. ตอบว่า ใช่แล้วไม่ดำรงอยู่ตลอดอายุ. ก็ในกาลอื่นๆ พระโพธิสัตว์ บังเกิดในเทวโลก ที่เทวดามีอายุยืน ไม่อาจบำเพ็ญบารมีในเทวโลกนั้นได้ ฉะนั้นพระองค์ทรงลืมพระเนตรทั้งสอง กระทำอธิมุตตกาลกิริยา (กลั้นใจตาย) แล้วบังเกิดในมนุษยโลก กาลกิริยาอย่างนี้ ไม่มีแก่เทวดาเหล่าอื่น.
อายุที่คิดว่านาน เป็นล้านปี แต่เพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนาน และ ในความเป็นจริง ชีวิตก็เป็นของน้อย ดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น ควรห็นค่าของชีวิตแต่ละขณะ ว่า ควรใช้หรือควรเกิดจิตที่ดี คือ กุศล โดยเฉพาะ กุศลที่เกิดกับปัญญา อันมีความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีมามากมายนับชาติไม่ถ้วน เพื่อประโยชน์กับ สัตว์โลก ต้องได้รับทุกข์มากมาย ควรเห็นถึงพระมหากรุณาคุณ และ ควร เห็นคุณค่าของพระธรรมแต่ละคำ ที่ได้มาอยากเย็นและใช้เวลานานนับชาติไม่ ถ้วนของพระโพธิสัตว์ เพื่อประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น คือ เพื่อให้ผู้อื่น สัตว์โลกเกิดปัญญา และ พ้นทุกข์ เมื่อได้มีโอกาสได้พบพระธรรมแล้ว ที่เป็นสิ่ง ที่มีค่า แม้ รัตนะ สิ่งทีค่ามากมาย ก็เทียบไม่ได้แม้เพียงพระธรรมคำเดียว เพราะ พระธรรมที่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญญา ละทุกข์ได้ จึงมีค่าอย่างยิ่ง ควรที่ จะสนใจ ใครที่จะศึกษาพระธรรม อบรมปัญญาในชีวิตที่เหลืออยู่ ก็เท่ากับว่า เป็นผู้กตัญญูกตเวทีกับพระพุทธเจ้า เพราะ ได้รับมรดก อันล้ำค่า คือการศึกษา พระธรรมและเกิดปัญญาของตนเอง เป็นจุดประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม และ บำเพ็ญบารมีในพระชาติต่างๆ ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบพระคุณมากครับ ถามอีกนิด พญามาร ที่มาขัดขวางพระพุทธโคดมตรัสรู้ ที่สถิต ในสวรรค์ชั้น 6 แบบนี้ก็ไม่ใช่ชาติสุดท้ายที่จะบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าเหรอครับ เพราะส่วนใหญ่ชาติสุดท้ายจะเกิดที่ดุสิต มีอายุ 4000 ปีทิพย์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระเวสสันดร จุติ คือ เคลื่อนจากความเป็นมนุษย์ในชาตินั้นแล้ว ไปเกิดที่สวรรค์ชั้น ดุสิต ซึ่งก่อนอื่น ขอกล่าวถึง จุติ กับ ปฏิสนธิ เพื่อความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น จุติ เป็นจิต ขณะสุดท้ายในชาตินั้น เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนั้น ไม่สามารถย้อนกลับ มาเป็นบุคคลนั้นได้อีก และเมื่อจุติจิตเกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป คือ ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันที (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่) ในชาติใหม่ ซึ่งเมื่อว่าโดยสภาพ ธรรมแล้วก็คือความเป็นไปของธรรมนั้นเอง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน และเมื่อว่า โดยขณะจิตแล้ว แม้ว่าพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในสวรรค์ขั้นดุสิตจะมีอายุตามที่ได้กล่าวแล้วใน ประเด็นคำถาม ก็คือ ดำรงอยู่เพียงชั่ว ๑ ขณะจิต เพราะแต่ละขณะนั้น จิตจะไม่เกิด พร้อมกัน ๒ - ๓ ขณะ แต่เกิดดับสืบต่อกันทีละขณะ
พระมหาสัตว์หรือสัพพัญญูโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในการที่จะตรัสรู้สภาพธรรมตาม ความเป็นจริง ไม่ได้ข้องอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ลาภ ยศสรรเสริญ เป็นต้น แต่ข้องอยู่ในการที่จะได้ตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริงพระองค์ต้องบำเพ็ญ พระบารมีมาตลอดระยะเวลานานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งแต่ละขณะชีวิตของพระองค์ที่ดำเนินไปนั้น ก็เป็นจิตแต่ละขณะๆ เกิดดับสืบต่อกัน อย่างไม่ขาดสาย แต่เป็นไปกับด้วยการสะสมบารมีประการต่างๆ จนกว่าจะถึงความ บริบูรณ์สมบูรณ์พร้อมในที่สุด ในพระชาติที่เป็นเสตเกตุเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น สืบต่อจากพระชาติที่เป็นพระเวสสันดร เมื่อถึงเวลาอันสมควร ที่จะจุติเคลื่อนจากความ เป็นเสตเกตุเทพบุตร เพื่อเกิดในโลกมนุษย์ และจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อไป เทวดาและพรหมทั้งหลายก็กราบทูลอาราธนาให้ทรงทราบ เมื่อพระองค์เคลื่อน จากความเป็นเทพบุตร จุติจิตเกิดแล้วดับไปเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิต เกิดสืบต่อทันที เป็นวิบากจิต อันเป็นผลของมหากุศล ที่ประกอบด้วยเหตุทั้ง ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ และ อโมหเหตุ คือ ปัญญา ซึ่งจะทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน อนาคต เพราะผู้ที่ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องปฏิสนธิ ด้วยเหตุ ๓ เท่านั้น
ซึ่งก็เป็นธรรมที่มีจริง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เนื่องจากเป็นจิตของบุคคลที่มีการ สะสมบารมีมาเพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมา ก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก อย่างแท้จริง สัตว์โลกที่จะได้ประโยชน์จากการอุบัติขึ้นของพระองค์ ก็ต่อเมื่อได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของ ตนเอง ไม่ละเลยโอกาสที่สำคัญที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจธรรมอย่างถูกต้องตรง ตามความเป็นจริงทั้งหมด ก็ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ด้วยความละเอียดรอบคอบไม่ ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
พญามาร ไม่ได้มีข้อความที่แสดงโดยตรง ว่า จะเป็นพระพุทธเจ้า ครับ อย่างไรก็ดี พญามาร ก็ไม่ใช่ จะเป็นชาติสุดท้ายที่จะเป็นพระพุทธเจ้า แน่นอนครับ เพราะ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในชาติที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า ชาติสุดท้าย จะต้องบังเกิดในภพดุสิตเท่านั้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณครับคุณเผดิม ผมหลงเข้าใจผิดมานานเลย
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ