คำว่า อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกข์ขัง (เป็นทุกข์) อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน) ทั้ง ๓ นี้เป็นลักษณะทั่วไปของสังขารธรรม (จิต เจตสิก รูป) เรียกว่าไตรลักษณ์ ผู้ที่มีปัญญาท่านเห็นด้วยปัญญาตามเป็นจริงว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แต่ผู้ที่มีปัญญาน้อยย่อมไม่เห็นลักษณะทั้ง ๓ นี้ตามเป็นจริง สำคัญว่าเที่ยง เป็นสุข และมีตัวตน แต่ความจริงทุกขณะในชีวิตประจำวัน จิต เจตสิกทุกขณะ รูปทุกรูป เกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ ..
ไตรลักษณ์
สิ่งที่ปิดบังไตรลักษณ์
สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
อนิจจังและทุกขัง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ ลักษณะของธรรมะทีมีจริงในขณะนี้ รู้ได้ด้วยการอบรมเจริญปัญญาค่ะ
ก่อนอื่นควรเข้าใจว่า ธรรมคืออะไร ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ทำไมถึงกล่าวมามีจริง เพราะมีลักษณะ ถ้าไม่มีลักษณะก็จะไม่ปรากฏให้ รู้ อะไรเป็นธรรม ขณะนี้เห็น มีจริงไหม เป็นธรรม เสียงเป็นธรรมไหม มีจริง เห็นตลอดเวลาไหม ขณะที่ได้ยิน ขณะนั้นก็ไม่เห็น ดังนั้น ลักษณะของสภาพธรรมโดยทั่วไป (สามัญลักษณะ) คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมดับคือไม่เที่ยง เสียงเกิดขึ้นและดับไปสภาพธรรมที่มีจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่เที่ยง ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องราวที่คิดว่าเป็นเด็กแล้วก็โตเป็นหนุ่มแล้วก็แก่ จึงไม่เที่ยงแต่ก่อนที่จะโตเป็นหนุ่ม เป็นคนแก่ ต้องมีสิ่งที่ไม่เที่ยงนั่นคือธรรม ขณะนี้เองไม่เที่ยง จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นไม่เที่ยงชั่วขณะสั้นๆ แต่เมื่อเกิดดับสืบต่อกันเรื่อยไป จึงปรากฏเป็นเด็ก และก็โตเป็นหนุ่มและก็แก่ แต่สิ่งที่ไม่เที่ยงคือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้
สิ่งที่ไม่เที่ยงต้องแปรปรวนไป ทนอยู่ไม่ได้จึงเป็นทุกข์ ไม่ได้หมายเพียงว่า ปวดเป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์เท่านั้น แต่สภาพธรรมใดเกิดขึ้นและดับไปขณะนี้เอง ที่ไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์เพราะแปรปรวนไป ตั้งอยู่ ทนอยู่อย่างเดิมไม่ได้ ส่วนอนัตตาเป็นลักษณะของสภาพธรรม อันหมายถึงว่าไม่มีเรา ไม่มีสัตว์บุคคล แต่ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีอะไรเลย แต่มีสภาพธรรม แต่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลนั่นเอง และอนัตตาก็หมายถึง บังคับบัญชาไม่ได้ ขณะนี้เห็น บังคับให้ไม่ให้เกิด ไม่ให้ดับไปได้ไหม เพราะเห็นแล้วและก็ต้องดับด้วย จึงไม่ใช่เราที่ไปมีอำนาจบังคับบัญชาเพราะเป็นธรรมและเป็นอนัตตานั่นเอง
สาธุ
ขอขอบพระคุณมากๆ ครับ ผมเข้าใจแล้ว และจะนำไปปฏิบัติ
อนิจจัง หมายถึง ขันธ์๕ เพราะว่ามีความเกิดขึ้น ความเสื่อมไป ความแปรเปลี่ยนเป็นอื่น ความมีแล้วไม่มี ความเป็นสิ่งที่มีความเกิดขึ้น เสื่อมไป และแปรเปลี่ยนไปเป็นอื่นนั่นเอง เป็นอนิจจลักษณะ หรือหมายถึงอาการและวิการกล่าวคือเป็นแล้วไม่เป็น
ทุกขัง ขันธ์ ๕ นั่นเองเป็นตัวทุกข์เพราะมีพระบาลีว่า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์เพราะเหตุใด เพราะบีบคั้นเนืองๆ อาการบีบคั้นเนืองๆ นั่นเองเป็นทุกขลักษณะ
อนัตตา ขันธ์ ๕ นั่นเองเป็นอนัตตา เพราะพระบาลีว่าสิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตาเพราะเหตุใด เพราะไม่เป็นไปในอำนาจ อาการที่ไม่เป็นไปในอำนาจนั่นเองเป็นอนัตตลักษณะ
จากคำบรรยายของท่านอาจารย์ อ่านแล้วมีความเข้าใจมากและชัดเจนมาก เป็นต้นว่าอนิจจังก็คือ รูปนาม ขันธ์ ๕ นั่นเอง มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และแปรเป็นอื่นตลอดเวลา อาการลักษณะอาการเช่นนั้นเอง เป็นอนิจจลักษณะ อาการทุกขังและอนัตตา ก็เช่นเดียวกัน
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงนั้นเป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกขณะ ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ขณะที่กุศลจิตเกิด อกุศลจิตเกิด ทั้งหมดเป็นธรรม เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งลักษณะเฉพาะของตนๆ ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ
ลักษณะ ๓ คือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) และ อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน) นั้น เป็นลักษณะที่ทั่วไปแก่สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรมทั้งหมด ซึ่งก็ไม่พ้นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน (สังขารธรรม หมายถึง ธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น) สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด จึงเกิดขึ้น (จิต เจตสิก รูป) เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป จึงไม่เที่ยง ไม่เที่ยงเพราะเกิดแล้วดับไป สภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปนั้นนั่นแหละ เป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะเหตุว่าตั้งอยู่ไม่ได้ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่ตั้งอยู่นาน เมื่อไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงไม่ใช่ตัวตน คือเป็นอนัตตา (เพราะไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร) สิ่งที่มีจริงทั้งหมด จึงควรที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เพื่อมิให้เข้าใจผิดไปหลงยึดถือในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั้น ว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล หรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ครับ
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนา สาธุ ครับ
อนุโมทนา สาธุค่ะ
ขออนุโมทนา สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)