กว่าความเป็นเรา จะค่อยๆ จาง จนกระทั่งเห็นประโยชน์ ของการเข้าใจถูก ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ด้วยสติสัมปชัญญะ แม้เพียงขณะเดียว เราจะเห็นคุณมหาศาลว่า ถ้าไม่มีขณะนี้แล้ว จะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นก็คือว่า มีธรรมะกำลังปรากฏ ฟังแล้วฟังอีก เพื่อค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ เห็นถูก จนกว่าสติสัมปชัญญะจะเกิด แล้วจะรู้ตัวธรรมะ ซึ่งความจริงก็เกิดดับเร็วมาก แต่ไม่ต้องไปคำนึงถึงว่า จะเกิดดับเร็ว เพราะว่าเมื่อไม่ประจักษ์ว่าเกิดดับ ก็ต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจลักษณะ ซึ่งต่างกัน เป็นแต่ละลักษณะ จนกระทั่งค่อยๆ คลายที่เคยเข้าใจว่า เป็นเราเป็นตัวตน ด้วยปัญญา ซึ่งจะเห็น ความแตกต่างกันของสติขั้นฟัง กับสติที่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่เพียงแต่ชื่อ
อาศัยการฟังธรรม การสะสมปัญญา วันนี้สติปัฏฐานไม่เกิด แต่การสะสมการฟัง ไม่สูญหาย วันหนึ่งเหตุปัจจัยพร้อม ฟังธรรมเข้าใจ สติและปัญญาจะทำหน้าที่เอง เป็นอนัตตาค่ะ และอย่าลืมว่า การสะสมกุศลทุกอย่าง โดยเฉพาะการฟังธรรม เกื้อกูลกับสติปัฏฐานค่ะ
อนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ธรรมะคือขณะนี้ ไม่ใช่ขณะอื่น
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ