ทุกครั้งที่ได้ยินว่า บุคคลที่เคยพบกันไม่นาน ต้องจากโลกนี้ไปแล้ว โดยไม่ได้เจ็บป่วยมาก่อน ถึงแม้จะเข้าใจ แต่ก็ใจหาย หดหู่ อยู่หลายวัน เมื่อคิดถึงจุติจิตของเขา จิตเราก็สะดุ้ง และเมื่อคิดถึงว่า เมื่อไรจุติจิตของเราจะมาถึง ใจก็หวาดเสียว
รู้แล้วว่า ด้ามมีดที่จับ ยังไม่สึกเลย
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระผู้มีพระภาค ตรัสไว้ว่า "คนเหล่าใด ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน คนเหล่านั้น ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำ ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ทั้งสุก ทั้งดิบทุกชนิดมีความแตกเป็นที่สุด ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น (คือ มีความตายเป็นที่สุด)"
ความเป็นตาย เป็นสิ่งทีหลีกหนีไม่พ้นสำหรับผู้ที่มีความเกิดเป็นธรรมดา ทุกชีวิตล้วนมีความตายเป็นที่สุด ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ถ้าศึกษาพระธรรม ก็จะเข้าใจว่า ความตายคือ ขณะที่จุติจิต เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ ความผูกพัน ความเยื่อใยที่มีกับบุคคลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมารดาบิดา ญาติสนิทมิตรสหาย เป็นต้น ก็เป็นอันจบสิ้นเพียงชั่วขณะจิตเดียวคือ จุติจิตเกิดขึ้นเท่านั้นและไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกได้เลยตราบใดที่ยังมีกิเลส เมื่อตายแล้วต้องเกิดอย่างแน่นอน อีกไม่นานก็ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ถูกต้องกระทบสัมผัส คิดนึกอีก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศลอีก ดำเนินไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกเลย
เรื่องตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นจิตขณะเดียวที่เกิดขึ้น เราจะต้องตาย ตาย-เหมือนกับคนที่ตายไปแล้วนั่นแหละ ซึ่งเป็นความจริงไม่มีใครหลีกพ้นได้ แต่สิ่งที่น่าคิดพิจารณาอยู่เสมอ นั้นก็คือ ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ จะดำเนินไปอย่างไร เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ดังนั้น ชาตินี้ยังมีกิเลสมาก เต็มไปด้วยอกุศลประการต่างๆ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น อีกทั้งปัญญาก็ยังไม่เจริญ ก็จะต้องเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง และขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
โดยส่วนตัว เริ่มเห็นพระพุทธคุณและคุณค่าของพระธรรมค่ะทุกชีวิตเกิดมา จะพ้นไปจากความเกิดตายนั้น ไม่มีความตายไม่มีเครื่องหมาย หลายคนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็กเกิดขึ้นกับใครที่ไหนก็ได้เมื่อถึงแก่กรรมแต่สิ่งที่สะสมในจิต ไม่ว่าจะไปปฏิสนธิไปอยู่ในภพภูมิไหน นั้นคือบุญและบาปบุญที่ประกอบด้วยปัญญาสะสมไว้ด้วยการรักษาความมั่นคงในการศึกษาพระรรมเพื่อเป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้น แค่ไหนก็แค่นั้นและพอจะลดความหวั่นไหวลงได้บ้าง เพราะทราบจากการศึกษาว่า แม้อกุศลก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้ค่ะ.
ความตายมีอยู่ในทุกๆ ขณะจิตที่ดับไป ไม่สะดุ้งบ้างเลยหรอค่ะ (-_?)
แม้จะรู้ว่าด้ามมีดที่จับ ยังไม่สึกเลย แต่ยังเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา เริ่มเข้าใจทีละน้อยๆ จนกว่าจะระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎตามความเป็นจริง แม้จิตจะสะดุ้ง หวั่นไหว ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎตามเหตุตามปัจจัย แต่เมื่อรู้หนทางสักวันด้ามมีดคงค่อยๆ สึก
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ อกุศลธรรม เพราะเมื่อตายไปแล้วไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ อกุศลธรรมให้ผลเป็นทุกข์ จึงไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล และ อบรมเจริญปัญญาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
สาธุ
จิต สะดุ้ง หรือเราสะดุ้ง ครับ
ตอบ ความคิดเห็นที่ ๕
ขณิกมรณะ ไม่สะดุ้ง เพราะยังไม่ประจักษ์ความเกิดดับ ปัญญาแค่รู้ตามที่ได้ศึกษาเท่านั้นค่ะ จึงกลัวแต่ สมมติมรณะ เพราะรู้ว่าใกล้เข้ามาแล้ว
ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน
ความตายเป็นของยั่งยืน
อันเราจะพึงตายเป็นแท้
ชีวิตมีความตายเป็นที่สุดรอบ
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
ความตายเป็นของเที่ยง
ขอให้มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
อนุโมทนาค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาเนืองๆ ว่าเรามีความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็น ธรรมดา ไม่สามารถล่วงพ้นไปได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเทวดา มนุษย์ และพรหม ท่านก็ยังต้องปรินิพพานเลยค่ะ แต่ก่อนตายเราได้เตรียมเสบียงคือปัญญา และความดีคือกุศลทุกอย่างไว้แล้วหรือยังค่ะ
ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่พระอนาคามี ก็ต้องสะดุ้งเป็นธรรมดา ตามเหตุตามปัจจัยแต่สะดุ้งก็ไม่เที่ยง ประเดี๋ยวก็หายสะดุ้ง แล้วก็มีสภาพธรรมะอื่นๆ เกิดต่อปรากฏให้สติได้ระลึก ปัญญาได้ศึกษาหรือ ปรากฏให้โลภะได้ติด โทสะได้เคืองอีกล้วนแต่เป็นธรรมดา เพราะเป็นอนัตตายังดีครับที่รู้ว่ามีดยังไม่สึกดีกว่ามีดอยู่ไหนก็ไม่รู้ หลงไปจับก้อนถ่านเพลิงเข้าคงจะแย่รู้แล้วว่ามีดอยู่ไหน แต่ยังไม่สึกก็ไม่เป็นไร จับต่อไปเหตุสมควรแก่ผลเมื่อไร ก็สึกได้ทันทีเพราะผู้ที่จับจนสึกมีมาแล้วมากมายในสมัยพุทธกาล...ขออนุโมทนาครับ...
ยังดีครับที่รู้ว่ามีดยังไม่สึกดีกว่ามีดอยู่ไหนก็ไม่รู้ หลงไปจับก้อนถ่านเพลิงเข้าคงจะแย่ จะระวังครับ
พูดถึงสะดุ้ง ถ้าใครยังสะดุ้งก็แสดงว่ายังเป็นตัวตนอยู่ ไม่ว่าสะดุ้งเพราะกลัวตายหรือว่าสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงระเบิด ในขณะนั้นมีสองอย่าง คือเป็นตัวตนหรือไม่ใช่ตัวตนถ้าไม่ใช่ตัวตนจนมีกำลังก็ไม่สะดุ้ง ครับ ที่นี้เมื่อศึกษาธรรมจนถึงทุกวันนี้แล้วตายไป สมมติว่าได้เกิดเป็นคนอีก คนที่เอาปัญญามาเกิดก็ดีไป ส่วนคนที่ไม่ได้เอาปัญญามาเกิดด้วยก็แย่หน่อย แล้วทุกคนที่ได้ศึกษาธรรมนี้ต้องเคยศึกษามาก่อนในอดีตชาติ ถ้าถามตัวเองว่าทำไมตอนเด็กๆ ถึงไม่สนใจธรรมเลยต้องอาศัยบุญเก่า เมื่อโตขี้นได้พบ อ.สุจินต์ จึงเดินทางต่อได้ แล้วถ้าไม่พบ อ. จะทำยังไง แล้วถ้าไม่ต้องพบอาจารย์ ไม่ต้องมีใครสะกิดแต่ยังเดินทางต่อได้ ก็น่าจะดี ครับ
อนุโมทนาคะ
กระเพื่อมและหวั่นไหว
ไม่ได้กลัวตาย
แต่ว่ากลัวความคิดก่อนจะตาย
เพราะรู้ไม่ได้ เลือกไม่ได้
ว่าอะไรจะมา ก่อนจุติจิตเกิด
ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ