การมีสติขณะกินอาหารจะช่วยให้เราสำรวมในการกินได้ไหมคับ
ผู้ที่มีสติเกิดขึ้นในขณะที่กินอาหาร สติย่อมทำกิจของสติในการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น หรือจะบริโภคด้วยการสำรวม ไม่ตระกรุม ตระกาม ตะกละ บริโภคแต่พอประมาณ ทั้งหมดเพราะสติเกิด จึงเป็นอย่างนั้น
... เชิญคลิกอ่าน ...
อาสวะที่ละได้เพราะการพิจารณาเสพบิณฑบาตของพระภิกษุ
ขออนุโมทนาครับ
การบริโภคอาหารให้พิจารณาเหมือนเนื้อบุตร เพราะเนื้อบุตรปฏิกูลโดยอาการ ๙ อย่างค่ะ
๑. โดยเป็นเนื้อชนิดเดียวกัน คือเนื้อมนุษย์
๒. โดยเป็นเนื้อญาติ
๓. โดยความเป็นเนื้อบุตร
๔. โดยความเป็นเนื้อบุตรสุดที่รัก
๕. โดยความเป็นเนื้อเด็กอ่อน
๖. โดยความเป็นเนื้อดิบ
๗. โดยความเป็นเนื้อที่ไม่ควรกิน
๘. โดยความเป็นเนื้อไม่เค็ม
๙. โดยความเป็นเนื้อไม่ทำให้หอม
ถ้าพิจารณาตามนี้แล้วทำให้เราสลด ถอยกลับจากอกุศล คือ การติดในรส การเมาอาหาร ฯลฯ
ขณะรับประทานอาหาร ก็สามารถระลึกถึงสภาพธรรมะตามความเป็นจริงได้ เช่น อาจจะรู้รสทางลิ้น รู้โลภะความติดข้อง ขณะรับประทานอาหารก็มีสภาพธรรมะทางอื่นเกิดขึ้นสลับกัน การเจริญสติจึงสามารถทำได้ทุกเวลาค่ะ
เจริญในธรรมค่ะ
สติมีหลายระดับ ขั้นที่คิดนึก เป็นไปในการพิจารณาอาหารที่ได้มา ว่าเราจะบริโภค เพื่อมิใช่เล่น ... หรือพิจารณาด้วยสติขั้นคิดนึก ที่เปรียบเหมือนเนื้อบุตร พิจารณาอย่างนี้ที่กล่าวมาเพื่ออะไร เพื่อไม่ให้กิเลสเกิดขึ้น ในปัจจัยที่ได้มา (อาหาร) ส่วนสติอีกระดับหนึ่งเป็นไปเพื่อรู้ความจริงของสภาพธัมมะที่เกิดขึ้นกับเรา ว่ามีแต่ธรรมไม่ใช่เราครับ ด้วยการระลึกสภาพธัมมะที่มีจริง ในขณะรับประทานอาหารซึ่ง เป็นสติขั้นสติปัฏฐาน เป็นหนทางเดียวที่สามารถดับกิเลสได้ครับ
สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ดังนั้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สติก็เกิดได้ ระลึกสภาพธัมมะอะไรก็ได้ที่มีจริงในขณะนั้น โดยไม่เจาะจงว่าเป็นธัมมะอะไร ขณะที่บริโภคอาหาร แม้รสจะปรากฏที่ลิ้น แต่สติก็อาจระลึกสภาพธัมมะที่ปรากฎทางตา (สี) ก็ได้ ซึ่งให้เห็นความเป็นอนัตตาของสติครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ