ผมได้สนทนากับชาวพุทธท่านหนึ่ง เขามีความเชื่อว่าพระไตรปิฎกไม่ใช่พุทธพจน์ทั้งหมดเขากล่าวว่า
พระไตรปิฎกก็มีทั้งส่วนที่พุทธพจน์แท้ (คือส่วนที่ดับทุกข์ได้) และส่วนที่ถูกแต่งเติมเข้ามาในภายหลัง (คือส่วนที่งมงายดับทุกข์ไม่ได้) พุทธพจน์แท้จะต้องนำมาปฏิบัติได้ในปัจจุบัน และได้รับผลเป็นควาทุกข์ลดน้อยลงหรือไม่มีเลยได้ (แม้เพียงชั่วคราว) ในทันที แต่ถ้าคำสอนใดที่นำมาดับทุกข์ในปัจจุบันไม่ได้ หรือสอนให้รอไปดับทุกข์เอาในชาติต่อๆ ไป ก็จัดว่าไม่ใช่พุทธพจน์แท้ สิ่งที่เหนือหลักฐานก็คือการพิสูจน์คุณลองนำหลักอภิธรรม (ที่คุณอาจเชื่อถืออยู่หรือศึกษาอยู่) มาปฏิบัติเปรียบเทียบกับหลักการปฏิบัติของเว็บนี้ (www.whatami.net) ดู ถ้าหลักการของใครดับทุกข์ของจิตใจคุณในปัจจุบันได้จริง หลักการนั้นก็ถูกต้อง หรือเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า นั้น เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่ของพุทธ แต่มันได้ปลอมปนเข้ามาอยู่ในพุทธศาสนามาช้านานแล้วโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว ซึ่งนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้าเช่นนี้ เป็นเรื่องไกลตัว พิสูจน์ไม่ได้ มีแต่เรื่องเล่าต่อๆ กันมาและมีในตำราเท่านั้น ไปบอกชาวต่างชาติเขาก็จะหัวเราะเยาะเอา หาว่าเราปัญญาอ่อน นรกของพุทธศาสนาก็คือ มีความร้อนใจอย่างกับไฟเผา เมื่อได้ทำความชั่วที่รุนแรง สวรรค์ของพุทธศาสนาก็คือ มีความสุขใจ อิ่มเอมใจ เมื่อได้ทำความดี ซึ่งนี่คือนรก สวรรค์ที่แท้จริงของพุทธศาสนา ที่เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ และใครๆ ก็ยอมรับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่เป็นความเห็นถูก ไม่สาธารณะทั่วไปกับทุกคน ดังนั้น หากเคยสะสมความเห็นผิดมา และไม่ศึกษาพระธรรมโดยละเอียดรอบคอบ ก็ย่อมเข้าใจผิดในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง แม้แต่ในเรื่องของพระอภิธรรม ว่าไม่ใช่พระพุทธพจน์
ซึ่งหากเรามองโดยเปิดใจ คือ ตามความเป็นจริง พระอภิธรรมก็แสดงถึงซึ่งที่มีจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รูป เสียง กลิ่น รส จิตคิดนึก โลภะ โทสะ ล้วนแล้วแต่มีจริงและกำลังปรากฏ อันแสดงถึงความจริงที่เป็นอภิธรรม ธรรมที่ละเอียดยิ่ง เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ครับดังนั้นพระพุทธเจ้าทรงเป็นสัจจวาที ตรัสคำจริง จริงแท้ ที่เป็นอริยสัจจะ เป็นวาจาสัจจะ กล่าวแต่คำจริงและเรื่องที่จริง ดังนั้น สิ่งใดที่มีจริง กำลังปรากฏในขณะนี้ พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเรื่องนั้นด้วย นั่นคืออภิธรรม นั่นเองครับ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องติดที่ชื่อในคำว่า อภิธรรม แต่สิ่งใดมีจริงกำลังปรากฏ ก็คือ อภิธรรม ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ครับ ดังนั้น พระอภิธรรมก็เป็นความจริง พระพุทธองค์ตรัสความจริงเช่นเดียวกันครับ
นรก สวรรค์ ที่ไม่เชื่อกัน ก็ต่างจิตต่างใจ ตามการสะสม นรก สวรรค์ ไม่ใช่เพียงอยู่ที่ใจเท่านั้น เพราะเมื่อมีการทำเหตุ ผลย่อมมี และก็ต้องมีภพภูมิที่สมควรแก่การได้รับผลของกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วครับ
เพราะฉะนั้น ไม่สามารถห้ามให้ใครคิด เชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งใดได้เลย เพราะแสดงถึงการสะสมมาแล้วของบุคคลนั้น หรือจะกล่าวว่า แสดงถึงการสะสมมาแล้วของ จิต เจตสิก ที่สะสมความเห็นผิดมา
ดังนั้น ความเห็นผิด จึงมีมาทุกกาลสมัย ตราบใดที่ยังไม่มีความเห็นถูก และตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ ก็ทำให้มีความเห็นผิดเกิดขึ้นได้ จึงเป็นของธรรมดาที่เป็นไปคู่กับโลกตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต สำคัญคือ เข้าใจในความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่ากับใคร ว่าเป็นไปตามการสะสมมาของจิต เจตสิก แต่ละคนหน้าที่สำคัญคือ รักษาใจของตนด้วยปัญญาที่เข้าใจความจริงและอบรมปัญญาของตนเองต่อไป ด้วยการศึกษาและฟังพระธรรมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ละเอียดในการศึกษา แม้จะใช้คำว่าศึกษา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เข้าใจธรรมอย่างถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และที่สำคัญ ผู้ที่จะได้ศึกษาพระธรรมและเข้าใจอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงนั้น มีน้อยมาก
เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไปตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ เพื่อให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เข้าใจอย่างถูกต้อง จากไม่รู้ เป็นค่อยๆ รู้ขึ้น ผู้ที่เห็นประโยชน์ สะสมศรัทธาในการฟังพระธรรมมาแล้วตั้งแต่ในอดีต ย่อมจะได้ฟัง ได้ศึกษาอบรมเจริญปัญญาต่อไป
ดังนั้น สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ส่วนคนอื่นจะเข้าใจผิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของผู้นั้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในสมัยนี้เท่านั้นที่มีความเห็นผิด แม้แต่ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่มีความเห็นผิด เป็นเจ้าลัทธิต่างๆ ก็มีเป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น แต่สำหรับเราแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะกระทำกิจที่พึงกระทำ ด้วยการตั้งใจศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไปครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
"... เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น แต่สำหรับเราแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะกระทำกิจที่พึงกระทำ ด้วยการตั้งใจศึกษาพระธรรม ด้วยความละเอียดรอบคอบ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป ..."
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำคัญคือ เข้าใจในความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่ากับใคร ว่าเป็นไปตามการสะสมมาของจิต เจตสิกแต่ละคน
หน้าที่สำคัญ คือ รักษาใจของตนด้วยปัญญาที่เข้าใจความจริงและอบรมปัญญาของตนเองต่อไป ด้วยการศึกษาและฟังพระธรรม ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
พระไตรปิฎกคือคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถเขียนและแต่งเองได้ พระธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมจะพึงรู้เองค่ะ
ขอบพระคุณทุกๆ ท่าน และขออนุโมทนาครับ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 20659 โดย หนทาง
[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 109
๑๐. วชิราสูตร
เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม ...
พระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม
การค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก