56. [เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 30
๕. โรหิณีชาดก
ผู้อนุเคราะห์ที่โง่เขลาไม่ดี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 30
๕. โรหิณีชาดก
ผู้อนุเคราะห์ที่โง่เขลาไม่ดี
[๔๕] "มีศัตรูผู้เป็นนักปราชญ์ยังดีกว่า คนโง่เขลาถึงเป็นผู้อนุเคราะห์ จะดีอะไร ท่านจงดูนางโรหิณีผู้โง่เขลา ฆ่ามารดาแล้วเศร้าโศกอยู่".
จบ โรหิณีชาดกที่ ๕
อรรถกถาโรหิณีชาดกที่ ๕
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารชื่อว่า เชตวัน ทรงปรารภทาสีของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "เสยฺโย อมิตฺโต" ดังนี้.
ได้ยินมาว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีทาสีคนหนึ่งชื่อว่า โรหิณี วันหนึ่ง มารดาของนางทาสีซึ่งเป็นหญิงแก่ มานอนอยู่ในโรงกระเดื่อง ฝูงแมลงวันรุมกันตอมมารดาของนางโรหิณีนั้น กัดเจ็บเหมือนกับแทงด้วยเข็ม นางจึงบอกกับลูกสาวว่า แม่หนู แมลงวันรุมกัดแม่ เจ้าจงไล่มันไป นางรับคำว่า จ๊ะแม่ ฉันจะไล่มัน เงื้อสาก คิดในใจว่า เราจักตีแมลงวันที่รุมตอมตัวของแม่ ให้ตาย ให้ถึงความพินาศ แล้วก็เหวี่ยงสากตำข้าว ถูกมารดาตายคาที่
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 31
ครั้นเห็นมารดาตาย ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า แม่ของเราตายเสียแล้วๆ คนทั้งหลายจึงบอกเรื่องราวแก่ท่านเศรษฐี ท่านเศรษฐีได้จัดการสรีรกิจตามสมควรแล้วก็ไปสู่วิหาร กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดแก่พระบรมศาสดา พระองค์ตรัสว่า ดูก่อน คฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่นางทาสีนี้ประหารมารดาของตนตายด้วยสากตำข้าว เพราะมั่นหมายว่า จักประหารแมลงวันที่ตอมตัวของมารดา แม้ในปางก่อน ก็ได้เคยประหารมารดา ให้ตายด้วยสากซ้อมข้าวมาแล้วเหมือนกัน ท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนา แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐี ครั้นบิดาวายชนม์ ก็ครองตำแหน่งเศรษฐีแทน ท่านมีทาสีคนหนึ่งชื่อ โรหิณี เหมือนกัน แม้ทาสีนั้น ก็ได้ประหารมารดาของตน ผู้มาสู่โรงกระเดื่อง บอกให้ช่วยปัดแมลงวันให้ด้วยสากซ้อมข้าวอย่างนี้ นั่นแหละ ครั้นมารดาสิ้นชีวิต ก็ร้องไห้คร่ำครวญ พระโพธิสัตว์ฟังเรื่องนั้นแล้ว ดำริว่า ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิด ประเสริฐแน่ แล้วกล่าวคาถานี้ความว่า.
"ศัตรูเป็นคนมีปัญญา ดีกว่าคนผู้อนุเคราะห์แต่เป็นคนโง่ ไม่ประเสริฐเลย จงดูนางโรหิณีผู้โง่เง่า ฆ่าแม่ตายแล้ว ร้องไห้อยู่".
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 32
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เมธาวี ได้แก่ บัณฑิต คือท่านที่มีความรู้แจ่มแจ้ง.
บทว่า ยํ ในบาทคาถาว่า ยญฺเจ พาลานุกมฺปโก นี้ ท่านทำเป็นลิงควิปวาส ศัพท์ว่า เจ เป็นนิบาตใช้ในอรรถแห่งนาม ความว่า บัณฑิตถึงแม้จะเป็นศัตรู ก็ยังดีกว่าคนโง่เขลา ที่มีใจเอ็นดูกรุณา ตั้งร้อยเท่าพันเท่าทีเดียว อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ยํ เป็นนิบาต ลงในอรรถว่า ปฏิเสธ ความว่า คนโง่เขลา ผู้มีใจเอ็นดู จะประเสริฐได้อย่างไร.
บทว่า ชมฺมิํ แปลว่า ผู้ชั่วช้า โง่เซอะ.
บทว่า มาตรํ หนฺตวาน โสจติ ความว่า นางโรหิณีผู้โง่เง่า หมายใจว่า เราจักฆ่าแมลงวัน กลับฆ่าแม่บังเกิดเกล้า แล้วร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ ในโลกนี้ แม้ถึงจะมีศัตรู ก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิด ยังดีกว่าแน่นอน พระโพธิสัตว์เมื่อสรรเสริญบัณฑิต ทรงแสดงธรรมแล้วด้วยคาถานี้.
พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่นางโรหิณีหมายใจว่า เราจักฆ่าแมลงวัน กลับฆ่ามารดาเสีย แม้ในปางก่อน ก็เคยฆ่ามาแล้วเหมือนกัน ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาตรัสแล้ว ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า มารดานางโรหิณีในครั้งนั้น ก็มาเป็นมารดาในครั้งนี้ ธิดาในครั้งนั้น ก็มาเป็นธิดาในครั้งนี้เหมือนกัน แต่มหาเศรษฐีในครั้งนั้น ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาโรหิณีชาดกที่ ๕