ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถละคลายกิเลสได้ ก็เพราะยังไม่มีปัญญาขั้นรู้ลักษณะของธรรม เมื่อฟังธรรมเข้าใจขณะใด ขณะนั้นละความไม่รู้ทันที มีแข็งเป็นธรรมที่รู้อะไรไม่ได้ เป็นความจริงแม้ไม่ต้องเรียกอะไร ใครก็ห้ามแข็งไม่ให้ปรากฏไม่ได้ แต่แข็งเป็นธรรมตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกอย่างเป็นธรรม ก็ค่อยๆ รู้ไปทีละอย่างว่าเป็นธรรม ทุกคนรู้แข็ง แต่เวลาที่แข็งปรากฏ ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรม ขณะที่แข็งปรากฏ ไปทำ ไปหา ไปอยากรู้อย่างอื่น เพราะฉะนั้นทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แข็งก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง จนกระทั่งทุกอย่างเป็นธรรม ไม่มีเรา มีเพียงสิ่งที่เกิดดับ
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสัมพหุลภิกขุ สูตร ...
ข้อความเตือนสติเรื่องสัมพหุลภิกขุสูตร
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาคุณ mooktas และทีมงานทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"ทุกคนรู้แข็ง แต่เวลาที่แข็งปรากฏ ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรม ขณะที่แข็งปรากฏ ไปทำ ไปหา ไปอยากรู้อย่างอื่น"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอความเข้าใจเพิ่ม แข็งเป็นธรรมอย่างไร (แข็งปรากฏตอนไหนถึงไม่รู้เป็นธรรมะ อะไรคือแข็งในส่วนที่ว่านี้ ในเมื่อทุกสิ่งที่เกิดในชีวิตประจำวันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว) ขอความกรุณาผู้รู้ตอบให้ทราบค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
เรียน ความเห็นที่ 6 ครับ
คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นธรรม แต่ขณะนี้แข็งกำลังเกิด ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เพราะไม่มีปัญญาที่รู้ว่าแข็งเป็นธรรม ไม่ใช่เรา หลงลืมสติบ่อยๆ ที่นั่งอยู่ก็เป็นเก้าอี้ แท้ที่จริงสิ่งที่กำลังปรากฏก็แข็งเท่านั้น ไม่มีเก้าอี้อะไรทั้งนั้น ครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบ อ่านไปหลายรอบหลายคร้ังไม่ข้าใจ เก้าอี้ไม่มีได้อย่างไร มาวันนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่า (สิ่งที่ปรากฏก็แข็งเท่านั้น ไม่มีเก้าอี้อะไรทั้งน้ัน) ประโยคใน วงเล็บแท้จริงมีสองส่วน เห็น (เป็นสี แต่คนเราไปใส่ชื่อไว้เป็นเก้าอี้ที่แท้ก็แข็ง) เห็นเป็นธรรมะหนี่ง คิด (เป็นนามธรรม เป็นธรรมะอีกอันหนึ่ง) ไม่ทราบเข้าใจถูกต้อง หรือเปล่า
ขอบพระคุณค่ะ
ถูกต้อง ครับ ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ