ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
เนื่องในวันจักรี
ที่ห้องประชุมชั้นที่ ๑๐
อาคารพัชรกิติยาภา
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๑
~ พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้น จะให้อะไรใคร? ก็ให้ความรู้ที่คนอื่นให้ไม่ได้ นี้คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระองค์ทรงแสดงพระธรรม แต่ละคำ เพื่อเกื้อกูลให้ผู้ฟัง เกิดปัญญาเป็นของตนเอง)
~ สิ่งที่สำคัญ ก็คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่ายิ่ง ที่ทำให้เราไม่เข้าใจผิด ไม่หลงตามคำที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ชีวิตเกิดมาแล้ว มีทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่เคยขาดเลย ไม่มีใครไปเรียกร้อง แต่ว่ามีสิ่งที่มีปัจจัยเกิดแล้วทั้งนั้น โดยไม่มีใครไปขอเลย
~ เกิดมาแล้ว มีใครคิดบ้างไหม ว่า สมควรที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มี?, ความจริง ก็คือว่า ปัญญา ความเห็นถูกต้อง เป็นอินทรีย์ เป็นใหญ่ เพราะเหตุว่า จากความไม่รู้ที่มืดสนิท ก็เป็นผู้มีความเห็นถูกเกิดขึ้นเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีได้ เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นอินทรีย์ คือ เป็นใหญ่
~ ความเป็นไปทุกวันตั้งแต่เกิดจนตาย ก็เป็นไปด้วยความไม่รู้ ทั้งหมด จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำ เริ่มจากคำว่าธรรม คือ สิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงมีลักษณะหลากหลายต่างกันมาก เห็นเกิดแล้วดับ เป็นของใครหรือเปล่า? เป็นใครหรือเปล่า? ไม่มีแล้ว ก่อนเห็น ก็ไม่มีเห็น ทุกคำต้องพิจารณา ถึงจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น
~ คนที่เกิดมาแล้ว ไม่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมเลย ก็จากโลกนี้ไป เขารู้อะไรหรือเปล่า? ก็ไม่รู้อะไร
~ กำลังเห็น ก็เพราะมีตา เป็นใหญ่ (จักขุนทรีย์) เพราะถ้าไม่มีตา ไม่มีอะไรที่จะปรากฏให้เห็นได้เลย จิต ก็เป็นใหญ่ ด้วย คือ เป็นมนินทรีย์
~ ฟังพระธรรม เพื่อรู้ รู้ขึ้นๆ จนกระทั่งเข้าใจมั่นคงขึ้นในขั้นการฟัง ว่า ไม่มีเรา และในที่สุด ไม่ใช่ไม่มีเราเท่านั้น (เพราะ) ไม่มีทุกอย่าง เพราะเหตุว่า ก่อนมี ไม่มีเลย พอเกิดมีแล้วก็หมด แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไหนล่ะ? ก็คือ ไม่มี ถ้ามีความเข้าใจมั่นคงว่า ไม่มี ถึงที่สุดแล้ว ก็คือ ไม่มี ถึงจะละความติดข้องได้ ไม่มีแล้วจะติดข้องได้อย่างไร
~ ฟังธรรมเข้าใจ ต่างจากขณะที่ไม่เคยฟังไม่เคยเข้าใจ เพราะฉะนั้น ขณะที่ฟังเข้าใจ ไม่มีอกุศล (สภาพธรรมที่ไม่ดี) เพราะขณะนั้น จิตต้องปราศจากสภาพธรรมที่ไม่ดี
~ ต้องอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ที่จะค่อยๆ นำไปสู่ความเข้าใจขึ้นๆ ในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลยทั้งสิ้น
~ ปัญญาความเข้าใจถูก ต้องมีตั้งแต่เริ่มฟัง ถ้าไม่ฟังพระธรรมเลย จะไปนั่งปฏิบัติ จะไปสำนักปฎิบัติ จะไปดับกิเลสถึงความเป็นพระโสดาบัน ใครพูด? ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ผู้ฟังสามารถรู้ว่า อะไรถูก อะไรผิดแล้ว ไม่ถือเอาสิ่งที่ผิด เพราะปัญญาเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้การฟังธรรม ต้องฟังด้วยความเคารพยิ่งในแต่ละคำ
~ ขณะไหนที่กระทำสิ่งที่ดี หรือ จิตใจที่ดีงามเกิดขึ้น ขณะนั้นจิตผ่องใสจากอกุศล
~ ไม่ว่าการกระทำอะไรทั้งสิ้นที่หวังจะให้เกิดปัญญา (ซึ่ง) ไม่ใช่การฟังธรรมแล้วเข้าใจค่อยๆ เข้าใจขึ้น ไม่มีทางที่จะเป็นปัญญาที่จะดับกิเลสได้ เพราะขณะนั้น หวัง เป็นความติดข้อง เป็นตัวตน ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งมั่นคง ว่า ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น)
~ ฟังพระธรรม เพื่อละความไม่รู้ จนกระทั่งความรู้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อมีความเข้าใจละคลายขึ้น ก็มีปัจจัยที่จะเข้าใจถึงเฉพาะสภาพที่เป็นธรรม เพราะขณะนี้เป็นแต่ "ฟังเรื่องของธรรม" แต่ยังไม่ได้ถึงเฉพาะลักษณะที่เป็นธรรม ลองคิดดู ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคัลลานะ ท่านวิสาขามิคารมารดา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จิตตคฤหบดี ท่านก็เคยตั้งต้นมาอย่างนี้
~ สิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ทั้งหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยละเอียดค่อยๆ ให้เข้าใจในความไม่มีเรา เป็นแต่เพียงธรรม (สิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่ง) วันหนึ่ง คำที่ได้ฟังทั้งหมด ก็จะแจ่มแจ้ง จนถึงขั้นประจักษ์ได้ แต่ต้องมาจากการที่เข้าใจขึ้นๆ
~ ทำไปด้วยความไม่รู้ ผล ก็คือ ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ควรเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งยากที่จะได้ฟังในสังสารวัฏฏ์ เพราะเหตุว่า นานแสนนานกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะอุบัติขึ้น ต้องบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) นานมากกว่าจะรู้ความจริงที่เราได้ฟัง ทั้งหมดเป็นความจริงจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ว่ามีคนที่พูดถึงสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจขึ้น เป็นประโยชน์ไหมที่จะเข้าใจ และไม่ควรที่จะประมาทด้วยการคิดว่าง่าย เพราะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่า เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
~ ปัญญา ความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยนี้แหละ จะค่อยๆ ละคลายความเห็นผิดและความยึดมั่น ว่า เป็นเรา เป็นของเราซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกิเลสมากมายมหาศาลซึ่งโลกเต็มไปด้วยภัยพิบัติต่างๆ ก็เพราะอกุศลธรรมความไม่รู้ความจริง
~ ปัญหาทุกปัญหาก็มาจากความไม่รู้ แล้วก็จะมีปัญหาต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้ายังคงไม่รู้ความจริงก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนล้วนมีปัญหาแล้วจะแก้อย่างไร หนทางเดียว ก็คือ เมื่อได้ฟังคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัญหาทั้งหลายก็ค่อยๆ ลดไป เพราะรู้ว่าเป็นธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เหตุดี ย่อมนำมาซึ่งผลที่ดี เพราะฉะนั้น ปัญญาก็จะถือเอาในสิ่งที่ควร ละทิ้งสิ่งที่ไม่ควร ซึ่งถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถที่จะเป็นอย่างนั้นได้.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบอนุโมทนา ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ