บุคคลที่เกิดมาแล้ว ย่อมไม่พ้นไปจากความความตาย ได้เลย ไม่มีใครสามารถเอาชนะความความตายได้ด้วยเวทมนต์คาถา ด้วยการสู้รบ หรือ แม้ด้วยทรัพย์ ในที่สุดแล้วย่อมเป็นผู้ถูกความตายครอบงำอย่างแน่นอน ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้เลย ทั้งคนฉลาด คนมั่งมี คนยากจน เป็นต้น ล้วนต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ผู้ที่เป็นมารดาบิดา ย่อมทอดทิ้งบุตร บุตรย่อมทอดทิ้งมารดาบิดา ด้วยความตายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดา ความตายเป็นสัจจธรรมที่ทุกคนจะต้องประสบอย่างแน่นอน ไม่เร็ว ก็ช้า และไม่สามารถจะทราบได้ว่าจะเป็นเมื่อใด ด้วย สำหรับผู้ที่ยังมีความติดข้องต้องการ ยังไม่ปราศจากโลภะ เมื่อพลัดพรากจากบุคคลผู้เป็นที่รัก ย่อมมีความเศร้าโศกเสียใจ เป็นธรรมดา เป็นธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ก็จะเพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม ได้ว่า แม้ความเศร้าโศก รวมไปถึงสภาพธรรมอื่นๆ ล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรา
เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ก็จะเพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม ได้ว่า แม้ความเศร้าโศก รวมไปถึงสภาพธรรมอื่นๆ ล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรา เป็นธรรมเตือนใจที่มีค่ายิ่งค่ะ
...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ความตายเป็นสิ่งที่ต้องพบเจอ แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมาเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ สิ่งมีค่าที่สุดคือการ เข้าใจธรรม และทำความดี ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ