เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสดูโทรทัศน์รายการหนึ่งแล้วอดไม่ได้ที่จะมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ในรายการที่พระสงฆ์จำนวนหนึ่งดำเนินกิจกรรมเหมือนเป็นการสัมมนาอะไรซักอย่างนี่แหละค่ะ มีคนมาร่วมเยอะอยู่นะ แล้วท่านก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการโดยจัดกิจกรรมให้โยมออกมาร่วมเล่นเกมส์ เกมส์นี้ก็เป็นเกมส์ (เพื่อจุดประสงค์อะไรก็ไม่ทราบ เพราะว่าดูไม่จบ) ที่ต้องให้ผู้ร่วมเล่น บางส่วนสวมแว่นตาว่ายน้ำทึบๆ แล้วมองไม่เห็นอะไร มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทีนี้ ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ ไม่ได้สวมแว่นตา แล้วเป็นเหมือน navigator บอกทางให้เดิน กี่ก้าว หันซ้าย หันขวา อะไรแบบนี้ พระท่านก็ดำเนินรายการไปเรื่อยๆ แต่ บอกทางให้ ผู้ชายกับผู้หญิง หรือจะ ช กับ ช ก็ได้ หรือญ กับ ญ ก็ได้ เดินหันหน้ามาชนกันเมื่อไหร่ก็เปิดตาได้ แล้วก็จับคู่ออกอะไรแบบนี้ มีดารา ช คนหนึ่ง ร่วมเล่นอยู่ด้วย ทีนี้ เมื่อถึงคราวของหญิงสาวคนหนึ่ง พอเดินตามคำบอกปุ๊บก็เดินไปชนกับดาราชาย คนนั้น คนอื่นๆ ในห้องก็กรีดร้องกันใหญ่ แต่พระสงฆ์ผู้ดำเนินรายการต้องขอ comment นิดนึง ว่า ท่านพูดดำเนินรายการแบบหยอกล้อคนดู รับส่งมุขกันอย่างสนุกสนานประหนึ่งคณะตลก ก็อดไม่ได้ที่จะเอามาพูดที่นี่ เพราะส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะสม แล้วก็ไม่เห็นประโยชน์ที่ผู้ร่วมรายการ นี้จะได้รับอะไรกลับไปเลย คิดอีกแบบก็คือพระเองก็ (อาจจะ) อยากทำให้พระธรรมง่ายขึ้นกระมัง ทำให้คนเข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้ พระธรรม = ตลก? เพื่ออะไร? เพื่อให้คนอื่นๆ อยากมีส่วนร่วมเพราะว่าเป็นเรื่องตลกสนุกสนาน แล้วพอจบรายการกันก็หมดกันจบแยกย้าย ไม่ได้ซาบซึ้งอะไรกับคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มากนัก นี่กลายเป็นว่า การประพฤติตนแบบนี้ของสงฆ์ เป็นสิ่งที่ยอมรับได้และเผยแพร่ไปทั่วประเทศไทยงั้นหรือ? บางที กบว. ก็เซนเซอร์อะไรที่ส่วนตัวคิดว่า ไร้ส์ สาระ ไม่รู้จะเซนเซอร์ทำไมนะ? เบลอๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่แบบนี้ไม่เห็น สนใจบ้าง จึงเรียนมาเพื่อเล่าสู่กันฟังค่ะ
โชคดีจังค่ะ ที่ดิฉันไม่ได้ดูเพราะมันจะอดถามเสียงดังๆ คนเดียวหน้าจอทีวีไม่ได้ว่า คุณจะบวชกันไปทำไม? ไม่ไปเล่นตลกซะเลยรู้แล้วรู้รอด แค่ธรรมะเดลิเวอรี่ก็อนาถพอแล้ว (เห็นมั้ยคะ แค่นี้ดิฉันก็รมณ์บ่จอยแล้ว ขืนดู สงสัย....) อนุโมทนาที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะเพื่อว่า...คนที่เห็นถูกแล้วจะได้ยังเห็นถูกอยู่ต่อไป
ว่าด้วยความประสงค์ของผู้เป็น สมณะ
ประสงค์ขันติ โสรัจจะ
นิยมปัญญา มั่นใจในศีล
ต้องการความไม่มีห่วงใย
มีพระนิพพานเป็นที่สุด
ไม่เข้าใจว่า สมณะ ในยุคปัจจุบัน ท่านประสงค์อะไร?
ผู้กล่าวอสัทธรรมว่าเป็นพระสัทธรรม ถึงจะห่มผ้ากาสาวะ ก็ไม่เปลี่ยนอสัทธรรมนั้น ให้เป็นพระสัทธรรมได้ ดังนั้น พวกเราที่เป็นฆราวาส เวลาจะทำบุญควรเลือกเฟ้นบุญญเขต
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้งพระ ผู้ที่คิดจะบวชเป็นพระ และโยมทั้งหลายมิได้ศึกษาพระธรรมวินัย ให้เข้าใจโดยถ่องแท้อาจเกิดจากการสั่งสอน (อย่างง่ายๆ ) กันมานานว่า พระพุทธศาสนานั้นสอนให้ "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส" เท่านั้นซึ่งนอกจากจะเป็น "เรา" ที่ทำแล้วยังเป็นการให้ความหมายของพระพุทธศาสนาอย่างผิวเผินเป็นที่สุด อันเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทั้งพระและโยมเข้าใจพระศาสนาไขว้เขวไปมากเพราะอาจคิดว่าการสอนธรรมะแบบตลกโปกฮา หรือเล่าเรื่องตลกแล้วสอดแทรกธรรมนิดๆ หน่อยเป็น "การทำความดี" (ซึ่งจะเป็นการดีกว่าถ้า ไม่ทำ) โดยลืมพระวินัยเสียสิ้นจนกลายเป็นตลกที่ดูน่าเศร้าและขมขื่น (ก็เป็นธรรม) ในปัจจุบันและอดไม่ได้ที่จะบอกว่าอย่าดีลิเวอรี่เลย เพราะอาหารที่ชอบดีลิเวอรี่นั้นส่วนใหญ่นอกจากจะมีประโยชน์น้อยไม่ดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นอันตรายด้วยนะครับ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...อนิจจา
ควรเรียกว่าภิกษุ สงฆ์นั้นเป็นสังฆรัตนะคือ เป็นพระอริยบุคคล (ซึ่งอาจไม่ใช่ภิกษุก็ได้) หรือเรียกสงฆ์ เมื่อภิกษุครบจำนวนตามพระธรรมวินัยกำหนดในการทำกิจของสงฆ์ (สังฆกรรม) ครับ
ยากครับ ที่จะมีที่ไหนเหมือนที่มูลนิธิฯ ท่านอาจารย์ คณะอาจารย์วิทยากร ที่แสดงพระธรรม โดยให้ท่านผู้ฟัง มีความเข้าใจถูก มีความเห็นถูก โดยไม่หวังลาภ ยศ คำสรรเสริญ สักการะ ใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นธรรมและเป็นอนัตตาครับ ก็จะเบาขึ้น
ไม่ดูรายการอย่างนี้ มานานแล้วค่ะ รวมทั้งไม่ฟังรายการบรรยายของที่อื่นๆ อีกด้วย เพราะรู้ตัวว่า ยังมีโทสะอยู่มาก ยังทำให้เบาไม่ได้เลยค่ะ