ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙๗
~ ข้อปฏิบัติผิดยิ่งมีมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะทำให้พระสัทธรรม การที่จะเจริญหนทางข้อปฏิบัติที่จะให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยเจ้าอันตรธานเร็ว เท่านั้น เพราะย่อมมีความเห็นผิด มีความเข้าใจผิดในข้อปฏิบัติ จนกระทั่งทำให้พระสัทธรรม คือ ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องนั้น ลบเลือน
~ ถ้าใครก็ตามที่เป็นคนดี แล้วถูกคนอื่นว่ามากมายต่างๆ นานา คำว่าร้ายทุกคำ ไม่สามารถจะเปลี่ยนความดีนั้นให้เป็นความไม่ดีอย่างที่เขาว่าได้ ก็จบ ไม่มีอะไรที่จะต้องเดือดร้อนเลย
~ ใครที่ฟังพระธรรมเข้าใจ แสดงว่าเป็นผู้ได้รับผลจากทรงตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ใครก็ตามไม่ได้ศึกษาธรรม คิดเองหมด แล้วจะถูกไหม?
~ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เมตตาเป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับโทสะ ก็จะไม่คิดที่จะเจริญเมตตา เพราะเหตุว่าเมตตาก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดง่าย แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของกุศลธรรมและเห็นโทษของอกุศลธรรมจริงๆ แล้วก็จะรู้ได้ว่า ถ้ายังคงมีอกุศลมากมาย การที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) นี่ก็ยากแสนยากที่จะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการฟังพระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดจริงๆ ที่จะต้องฟังแล้วพิจารณาใคร่ครวญไตร่ตรองเพื่อประโยชน์อันแท้จริง
~ ในชาติหนึ่งๆ ที่เกิดมามีโอกาสจะได้ฟังพระธรรม เป็นขณะที่แสนยากในสังสารวัฏฏ์ เพราะเหตุว่าบางคนเกิดมามีโอกาสแต่ไม่ฟัง หรือว่าบางคนฟังแล้วไม่มีการสะสมที่จะเห็นประโยชน์ ก็ผ่านเลยไปในแต่ละวัน
~ พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มีประโยชน์เกื้อกูลให้ระลึกพิจารณาให้ถ่องแท้ เพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นด้วย มิฉะนั้นแล้วถ้าบุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าใจผิด และก็ชักชวนบุคคลอื่นให้เข้าใจผิด ปฏิบัติผิดตามๆ กันไป ผู้นั้นก็ย่อมหมดโอกาสที่จะได้เข้าใจพระธรรมโดยถูกต้อง
~ การที่กุศลแต่ละขณะจะเกิดได้ จะเจริญได้ จะเห็นว่า จะต้องอาศัยความเพียร ความอดทนต่อการที่จะไม่เป็นอกุศลในขณะนั้น
~ การที่จะเป็นคฤหัสถ์ที่ดี ก็คือฟังพระธรรม พิจารณาให้เข้าใจ ประพฤติปฏิบัติตามในเพศของคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าเพศของบรรพชิตนั้นต้องเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยใหญ่จริงๆ สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติทั้งหมด สละ คือ ไม่มีความติดข้อง ไม่ใช่ว่าเมื่อไปแล้วก็ยังติดข้องอยู่ นี่ต้องพิจารณาเห็นความต่างกันระหว่างเพศคฤหัสถ์กับบรรพชิต เพราะฉะนั้น บรรพชิตจึงได้รับสักการะจากคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์ไม่สามารถจะทำตามอย่างนั้นได้
~ คนที่มีกิเลส มีความยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็เหมือนเหยื่อที่ล่อให้กระทำทุจริตกรรม แล้วก็ได้รับผลของกรรมในภายหลัง ซึ่งเป็นวิบากที่เลวทราม เป็นวิบากที่ไม่เป็นสุขเลย เป็นวิบากที่เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
~ ถ้าท่านเป็นผู้ที่เห็นว่า ความเห็นถูก การปฏิบัติถูก สำคัญกว่า ท่านย่อมจะเกื้อกูลทั้งตัวของท่านเองและบุคคลอื่นได้ ในข้อปฏิบัติที่ถูก ในความเห็นที่ถูก
~ สัจจะ (ความจริงใจ) หมายความถึงกุศลจิตซึ่งตรงต่อการอบรมเจริญกุศล เพื่อเป็นบารมี (ความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ยิ่งขึ้น ไม่คลาดเคลื่อนจากความคิดที่เป็นไปในกุศลว่า จะละเว้นการเบียดเบียนผู้อื่นด้วยวาจาที่ไม่น่าฟัง เพราะรู้ว่าทำให้คนอื่นเสียใจ แต่ว่าบางครั้งเวลาโกรธก็ลืมสัจจะนั้นเสียแล้ว หรือว่าไม่ตรงต่อการยับยั้งที่จะไม่พูดวาจาที่ไม่น่าฟังนั้น
~ ใครที่มักโกรธในชาตินี้ ให้ทราบว่าชาติก่อนๆ ก็ต้องมักโกรธ แล้วถ้าชาตินี้ยังมักโกรธอย่างชาตินี้ต่อไปอีก ก็ให้นึกถึงภาพชาติหน้าได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากจะเป็นอย่างนั้นต่อไป หรือว่าอยากเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อย่างนี้ ถ้าอยากจะเป็นอย่างอื่น ก็ต้องเริ่มสะสมทางฝ่ายกุศลไว้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้
~ โกรธแล้วก็ยังไม่ลืม เพราะฉะนั้น เมื่อคิดผูกโกรธอีก ก็แสดงให้เห็นว่า ยังเป็นคนว่ายากที่ยังไม่เห็นโทษของความโกรธ
~ ไม่ประมาท เพราะเห็นว่าตราบใดที่ยังมีอกุศลธรรมอยู่ ก็จะต้องเจริญกุศล ทุกประการเพื่อที่จะละอกุศลธรรมนั้น
~ ผู้ที่ฉลาดจริงๆ หาโทษของตนเองว่ามีโทษอะไรบ้าง ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็น อาจจะไม่รู้ แต่ตนเองเท่านั้นที่อาจจะรู้ดี และในขณะเดียวกัน ถ้ามีการ เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นก็หากุศลของคนอื่นที่จะอนุโมทนา (ชื่นชมยินดี) ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันๆ กุศลจิตย่อมเจริญ เพราะเหตุว่าอนุโมทนาในกุศลของคนอื่น และเห็นโทษของตนเองว่าเป็นโทษ และก็จะได้ขัดเกลาละคลายโทษนั้นยิ่งขึ้น
~ ถ้าเป็นผู้ว่ายากหรือสอนยาก ก็ย่อมจะไม่รับฟังคำสอน และจะมีความขัด เคือง จะทำให้เมื่อโกรธแล้วก็ย่อมห่างเหินไป หรือว่าอาจจะจากไปตลอด ชีวิต ซึ่งก็จะไม่เป็นเหตุให้ละคลายกิเลส เพราะเหตุว่าไม่ยอมที่จะรู้จัก อกุศลของตนเอง และไม่เห็นความหวังดีของผู้ที่กล่าวสอนหรือพร่ำสอน
~ คนขลาดย่อมทำอกุศล แต่ว่าคนกล้านี้ กล้าที่จะทำกุศลและไม่ทำอกุศล เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนกล้าหาญที่จะไม่กระทำอกุศล, คนขลาดทำอกุศล เพราะเหตุว่ากลัวลำบากบ้าง กลัวยากจนบ้าง กลัวความทุกข์ต่างๆ บ้าง ก็เป็นเหตุให้กระทำทุจริต แต่ว่าผู้ที่กล้าหาญ แม้ว่าจะลำบาก แม้ว่าจะขัดสน แม้ว่าจะยากจน แต่ก็จะไม่ทำทุจริต นั่นก็ต้องเป็นผู้ที่มีความแกล้วกล้า คือ เป็นผู้ที่สามารถที่จะกล้าที่จะละเว้นทุจริตได้
~ หิริโอตตัปปะเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองโลก ซึ่งจะทำให้ไม่เดือดร้อนทั้งกาย วาจา ใจ เพราะเหตุว่าหิริเป็นสภาพที่ละอาย รังเกียจอกุศลธรรม และโอตตัปปะก็เป็นสภาพธรรมที่กลัวบาป กลัวอกุศลธรรม
~ ชาวพุทธต้องเป็นผู้ตรง ที่จะรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก
~ สิ่งใดที่ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกล่าวว่าเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่น ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ไม่ว่าใครจะมีความประพฤติอย่างไร มีความเกเรมากมายอย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีโอกาสที่จะได้สนใจในพระธรรมและฟังพระธรรม ก็ย่อมเป็นที่หวังได้ว่า คนนั้นย่อมจะดีขึ้น จะน้อยหรือจะมาก แล้วแต่พื้นของจิตที่สะสมมา
~ ถ้ามีความเห็นถูก ก็พูดถูก
~ ความเห็นผิดทั้งหมด วิวาท (คำพูดที่มีความแตกต่าง) จากความเห็นถูก
~ ถ้ามีความเห็นถูกต้องตรงตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะไม่วิวาทกัน
~ คำอ่อนหวานด้วยเมตตา กับ คำอ่อนหวานด้วยโลภะ ย่อมต่างกัน
~ จะให้คนใจดี ไปพูดคำร้ายๆ ได้ไหม? ไม่ได้
~ ต้องไม่ลืมว่า ศึกษาธรรม เพื่อละ ไม่ใช่เพื่อ ได้
~ ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ เพราะว่าไม่รู้ภูมิต่อไป แต่ถ้าเป็นผู้ที่สะสมบุญอยู่สม่ำเสมอเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้สุคติพอหวังได้ เป็นที่หวังได้ เหมือนกับการเกิดในชาตินี้ ในภูมิมนุษย์นี้ ต้องเป็นผลของกุศล เป็นผลของกุศลกรรมหนึ่ง ซึ่งก็ยากแสนยากที่จะทำให้เกิดในภูมิมนุษย์ แต่ทุกท่านก็ได้เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ด้วยผลของกุศลกรรม
~ สิ่งที่ถูกปกปิดไว้นานแสนนานด้วยความมืด (คือ ความไม่รู้) ปรากฏได้เพราะพระธรรม ความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ กิเลสทั้งหลายเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ โดยเหตุที่ว่าอยู่ภายในตัวเอง ไม่ได้อยู่ไกลเลย เป็นสิ่งไม่ดีที่มีอยู่ในจิตใจ เป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมต่างๆ และก็จะเป็นผู้ได้รับผลวิบากของอกุศลกรรมนั้นๆ เอง
~ ฟังธรรมให้เข้าใจว่าเป็นธรรม อกุศลเกิด ก็ฟังแล้ว ว่า เป็นธรรม (สิ่งที่มีจริง) จะเดือดร้อนอะไร?
~ ความไม่รู้ที่มืดมิดมานาน ก็สามารถค่อยๆ หมดไปได้ ด้วยความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้
~ อย่าประมาทปัญญาแม้เพียงเล็กน้อย ขณะนี้ปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจก็สะสมทำหน้าที่ที่จะปรุงแต่ง ต่อไปข้างหน้าอีก ๑๐ ปี ปัญญาจะเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ก็แล้วแต่ปัจจัย เพราะเหตุว่าเคยได้ฟังมาแล้วในชาติก่อน ในชาตินี้และต่อไปได้พอได้ยินอีกก็สามารถเข้าใจได้ ไม่เหมือนกับคนที่ไม่เคยได้ยินเลย
~ มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อที่จะเข้าใจธรรม ศึกษาธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"คำอ่อนหวานด้วยเมตตา กับคำอ่อนหวานด้วยโลภะ ย่อมต่างกัน"
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
คนขี้ขลาดจะทำอกุศลเพราะกลัวจนบ้างกลัวลำบากบ้าง คนขี้ขลาดก็จะทำการทุจริตคนกล้าหาญกล้าที่ไม่ทำอกุศลแม้จะลำบากยากจนก็ไม่ทุจริตถือว่าเป็นผู้กล้าหาญเพราะมีหิริโอตตัปปะธรรมที่คุ้มครองโลก แต่ที่เขากล้าเพราะเขามีปัญญาจากการฟังพระธรรมฯ กราบอนุโมทนาสาธุในการให้พระธรรมถือเป็นให้ที่ประเสริฐและสูงสุดด้วยครับ
"มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อที่จะเข้าใจธรรม ศึกษาธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส."
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
เพราะไม่ฟังพระธรรม จึงหลงอยู่ในความมืด และเห็นผิด เป็นเหตุให้กระทำอกุศล สะสมอกุศลที่มีอยู่แล้วจากชาติก่อนๆ ให้มากขึ้นเพิ่มขึ้น ต่อไป เหตุนี้ การได้ฟังพระธรรมจึงเป็นโอกาศที่ประเสริฐอย่างยิ่งนำไปสู่การละคลายความไม่รู้ ค่อยๆ ละอกุศล จนถึงการละทั้งหมดเพื่อการพ้นภัยในสังสารวัฎฎ์ กราบอนุโมทนาขอบพระคุณในธรรมทานด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
คนขลาดทำอกุศลเพราะกลัวทุกข์ คนกล้าจะทำแต่กุศลเพราะไม่กลัวทุกข์
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ
ขออนุโมทนาครับ
ผู้ที่ฉลาดจริงๆ หาโทษของตนเองว่ามีโทษอะไรบ้าง ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็น อาจจะไม่รู้ แต่ตนเองเท่านั้นที่อาจจะรู้ดี และในขณะเดียวกัน ถ้ามีการ เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นก็หากุศลของคนอื่นที่จะอนุโมทนา (ชื่นชมยินดี) ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันๆ กุศลจิตย่อมเจริญ เพราะเหตุว่าอนุโมทนาในกุศลของคนอื่น และเห็นโทษของตนเองว่าเป็นโทษ และก็จะได้ขัดเกลาละคลายโทษนั้นยิ่งขึ้น
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขออนุโมทนาครับ