หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๖๖๙]
ประมาทเมื่อไหร่ก็เป็นอกุศลเมื่อนั้น
ตราบใดที่เป็นคนไม่ดี หมายความว่ามีแต่อกุศลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะประเภทใดๆ ทั้งสิ้น โลภะ ติดข้องแม้สักเล็กน้อย โทสะ (ความโกรธความขุ่นเคืองใจ) โมหะ (ความหลงความไม่รู้) นั้นเป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากนั้นก็ยังมีอิสสา (ความริษยา) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) ตลอดจนถึงความลบหลู่คนอื่น ความถือตนหรือทั้งหมดที่เป็นอกุศลขณะใด ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้เลย กลับเพิ่มขึ้นทับถมขึ้นยากแก่การที่จะรู้ความจริงได้ เมื่อเข้าใจอย่างนี้ เริ่มเห็นคุณของบารมี คุณความดีซึ่งเกิดโดยที่ว่าขณะนั้นอกุศลไม่เกิดแล้วก็ค่อยๆ เพิ่มคุณความดีขึ้น ก็ย่อมสามารถที่จะเป็นทางให้ละความไม่รู้และความไม่ดี เพราะเหตุว่าทั้งสองอย่างนี้เกิดรวมกันไม่ได้ อกุศลกับกุศลจะเกิดพร้อมกันไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้การเห็นภัยของอกุศล เป็นเหตุให้กุศลเกิดและเป็นผู้ไม่ประมาทด้วย
ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับเป็นคนดี แม้ว่าจะมีความรู้มีความสามารถมีความเฉลียวฉลาด เป็นนักธุรกิจ เป็นนักประดิษฐ์อะไรทั้งหมด ก็ไม่มีอะไรดีเท่ากับความเป็นคนดี แล้วก็ต่อไปอีก คือดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่จะดีเท่ากับความดี คนดี แต่ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เพราะเหตุว่ากิเลสมีมากที่สะสมเป็นอนุสัย (นอนเนื่องอยู่ในจิต) ถ้ายังไม่สามารถที่จะดับอนุสัยกิเลส กิเลสก็ยังเกิดได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเกิดที่ไหน ภพไหน ภูมิไหน เป็นอะไร อกุศลที่สะสมไว้ก็ยังเต็ม เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ จะเป็นผู้ที่มั่นคงในความดีแม้เพียงเล็กน้อยนิดๆ หน่อยๆ สะสมไปโดยความไม่ประมาท เพราะเหตุว่าประมาทเมื่อไหร่ ขณะนั้นก็เป็นอกุศล
ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรมโดยละเอียดยิ่ง เพราะเหตุว่าพระธรรมลึกซึ้ง แค่นี้ก็เตือนแล้วใช่ไหมว่าต้องพิจารณา ต้องไตร่ตรองทุกคำ ต้องสอดคล้อง เพราะเป็นความจริง อนัตตาต้องเป็นอนัตตา ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ต้องมั่นคงว่าไม่มีใครเลย แล้วจะไปทำอะไร นอกจากสภาพธรรมทั้งหมดเลย ขณะนี้กำลังเกิดดับทำกิจการงานของสภาพธรรมอยู่ แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและยินดีในความดีค่ะ