เรื่องพระนางสามาวดีในอรรถกถาธรรมบท มีความไม่ประมาทในด้านใดบ้าง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชื่อว่า สามาวดี เพราะ ชื่อเดิม ชื่อ สามา แต่เพราะเป็นผู้ฉลาด ให้ทำรั้วกั้นในการให้ทาน ให้ยาจกเดินเป็นแถว จึงตั้งชื่อให้เพราะอาศัย การทำรั้ว ชื่อว่า นางสามาวดี พระนางสามาวดี เป็นพระมเหสีของพระเจ้าอุเทน แต่ก่อนจะเป็นพระมเหสี เป็นธิดาของเศรษฐีที่ยากจน หนีภัย คือ โรค มากับ บิดา มารดา มาขออาหารกับเศรษฐีที่เป็นเพื่อนเก่า ต่อมา บิดา มารดาตายหมดสิ้น โฆษกเศรษฐีจึงรับเป็นธิดา พระเจ้าอุเทนเห็น เกิดความรัก จึงรับเป็นพระมเหสี นางขุชชุตรา เป็นสาวใช้ของพระนางสามาวดี ฟังธรรมจากพระพุทธจ้า ได้เป็นพระโสดาบัน เป็นผู้เลิศในการเป็นธรรมกถึก ได้แสดงธรรมให้พระนางสามาวดี และบริวาร ๕๐๐ ฟัง บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน พระนางสามาวดี และบริวารอยากเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้โอกาส จึงเจาะช่องที่ปราสาท เป็นช่อง เพื่อได้เห็นและได้บูชา มีการยกมือไหว้ เป็นต้น หน้าต่างเกิดขึ้นครั้งแรก เพราะเรื่องนี้
พระนางมาคันทิยะเป็นมเหสีอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าอุเทน ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ในพระรัตนตรัย ไม่ชอบพระนางสามาวดี คอยกลั่นแกล้ง คราวหนึ่ง แกล้งให้พระนางสามาวดี ทำแกงอ่อมด้วยไก่มีชีวิต ถวายพระราชา แต่พระนางสามาวดีก็ไม่ยอมทำ คือ ไม่ยอมฆ่าไก่ แต่พระนางทำไก่ที่ตายแล้ว ทำอาหารถวายพระพุทธเจ้า
ได้ฟ้องพระราชา
พระนางมาคันทิยาหาเรื่อง พระนางสามาวดี เรื่องงู ใส่ร้ายพระนางสามาวดี ว่าลอบทำร้ายพระราชาด้วยงู พระราชาโกรธ ไม่รู้ความจริง ใช้ธนูยิงพระนางสามาวดีแต่พระนางมีเมตตาจิต ไม่โกรธ ลูกธนูที่ปล่อยมา กลับพุ่งไปตรงข้ามที่จะไปหาพระราชา พระราชาสำนึกผิด ให้พรกับพระนางสามาวดี พระนางสามาวดีไม่ขอพรอย่างอื่น นอกจากขอให้พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์มารับอาหารเนืองนิตย์ และขอฟังธรรม พระเจ้าอุเทนยินดีให้พรนี้
ภายหลัง พระนางสามาวดี และบริวารห้าร้อย ถูกไฟเผาทั้งเป็นจนสิ้นชีวิต จากการกระทำของพระนางมาคันทิยา ก่อนที่จะสิ้นชีวิต ได้สั่งสอนบริวารว่า เราถูกไฟเผามานับชาติไม่ถ้วน ควรที่จะไม่ประมาท อบรมปัญญาในขณะนี้ ความไม่ประมาทของพระนางสามาวดี มีดังนี้ ขณะที่ไม่ประมาท คือ ขณะที่มีสติ เป็นกุศล ชื่อว่า ไม่ประมาท ขณะที่ไม่อายที่ตนเองยากจน ไปขออาหารให้ บิดา มารดา ก็ชื่อว่าไม่ประมาท เป็นกุศลจิต ขณะที่สนใจ ตั้งใจฟังพระธรรม และเข้าใจธรรมที่นางขุชชุตราแสดง ก็เป็นความไม่ประมาท ขณะที่บรรลุธรรม ก็ชื่อว่าไม่ประมาท ขณะที่มีจิตศรัทธาอยากจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ใช้การเจาะรูที่ปราสาท ไหว้พระพุทธองค์ ก็ชื่อว่าไม่ประมาท ขณะที่ไม่ฆ่าไก่เป็น และทำไก่ที่ตายแล้ว ไปถวายพระพุทธเจ้า ก็ชื่อว่าไม่ประมาท ขณะที่พระนางมีเมตตาจิต ไม่โกรธในพระราชาที่จะยิงธนูใส่ ก็ชื่อว่าไม่ประมาท ขณะที่ขอพรเพื่อทำกุศล ได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้าและพระภิกษุ และขอฟังธรรม ชื่อว่าไม่ประมาท ขณะที่สั่งสอนบริวาร ในขณะที่ถูกไฟไหม้ ให้อบรมปัญญาขณะนี้ ก็ชื่อว่าไม่ประมาท ครับ
สรุปได้ว่า พระนางสามาวดี เป็นผู้ไม่ประมาท เพราะเจริญกุศลทุกๆ ประการ ทั้ง ทาน ศีล และ ภาวนาที่เป็น สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
พระนางสามาวดี ท่านเป็นพระอริยบุคคล ไม่ประมาท เจริญกุศลทุกอย่าง ท่านเป็นผู้มีปกติเจริญเมตตา เมตตาของท่านเจริญถึงระดับฌาน และท่านก็ยังสอนให้บริวารเจริญเมตตาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นางสามาวดี เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจพระธรรม ได้ฟังในสิ่งที่มีจริง ที่พุทธศาสนิกชนควรจะได้ศึกษาและคล้อยตามความประพฤติที่ดีงาม นี้ กล่าวถึงสาวใช้ของท่านชื่อว่าขุชชุตตรา เมื่อถูกพระนางสามาวดีใช้ให้ไปซื้อดอกไม้ ก็จะยักยอกไว้ครึ่งหนึ่ง ไม่ซื้อทั้งหมด อยู่มาวันหนึ่งนางขุชชุตตราได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงเมื่อครั้งที่นายสุมนะมาลาการ (ผู้ที่ตนไปซื้อดอกไม้ด้วย) ได้กราบทูลอาราธนานิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ไปเสวยภัตตาหารที่บ้าน เพราะวันนั้นนายสุมนะมาลาการ บอกให้นางขุชชุตตราได้ช่วยงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยรับดอกไม้ไป เป็นเหตุให้นางขุชชุตตราได้ฟังพระธรรม และบรรลุเป็นพระโสดาบัน เมื่อได้เป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ซื้อดอกไม้ด้วยเงินทั้งหมด ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นเหตุให้นางสามาวดีแปลกใจว่า วันนี้ทำไมดอกไม้ถึงเยอะกว่าวันก่อนๆ ทำให้ได้ทราบความจริง ว่าแต่ก่อนนางขุชชุตตราได้ยักยอกค่าดอกไม้เสมอๆ แต่วันนี้ได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วได้บรรลุธรรม จึงไม่ได้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควรนั้นอีก นางสามาวดีไม่ได้ติดใจตรงที่การยักยอกค่าดอกไม้เลย ไม่ได้คุกคามอะไรๆ ด้วย แต่มีความประสงค์ที่จะได้ฟังพระธรรมจากนางขุชชุตตรา และในที่สุดนางขุุชชุตตราก็ได้แสดงธรรมให้นางสามาวดีฟัง ทำให้นางสามาวดี ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน นี้คือ ความเป็นผู้ไม่ประมาทอย่างแท้จริง เห็นคุณของความเข้าใจพระธรรม มีศรัทธาที่จะฟังสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าผู้กล่าวจะเป็นใครก็ตาม เพราะความจริง เป็นความจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และได้รับประโยชน์จากพระธรรมตามกำลังปัญญาของตนเองครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาขอบคุณครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะ และอนุโมทนากุศล ที่เมตตาให้ได้เจริญกุศลในการอ่านค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ