ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านผู้ฟัง ก็วิถีจิตทั้งหมด มี ๔ วาระ มีตั้งแต่ตทาลัมพณวาระ ชวนวาระ โวฏฐัพพนวาระโมฆวาระ ด้วยเหตุใด วิถีจิต จึงมีตั้ง ๔ วาระ เป็นไปได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ ท่านผู้ฟังถามต่อไปถึง "วาระ"
วาระ คือ การเกิดของวิถีจิตในการรู้อารมณ์แต่ละอารมณ์
บางวาระ วิถีจิตก็เกิดทั้ง ๗ วิถี
บางวาระ วิถีจิตก็เกิด ๖ วิถี
บางวาระ วิถีจิตก็เกิด ๕ วิถี
บางวาระ วิถีจิต ก็ไม่เกิดเลย
วิถีจิตไม่เกิดเลย คือ มีแต่อตีตภวังคจิต ภวังคจลนจิต เท่านั้น เพราะเหตุว่า เวลาที่รูปกระทบกับปสาท เป็นอตีตภวังคจิต เมื่อกระทบอีก ก็เป็นอตีตภวังคจิตอีก คือ ยังไม่มี ภวังคจลนจิตที่ไหวไป ที่จะรับรู้อารมณ์ที่กระทบ หรือว่า บางครั้ง เวลาที่อารมณ์กระทบกับปสาท คือ กระทบกับอตีตภวังคจิตเป็นปัจจัยให้ภวังคจลนจิตไหวไป ที่จะรู้อารมณ์ แต่สายเกินไปเพราะเหตุว่า รูป (ที่เป็นอารมณ์) นั้นๆ ดับไปเสียก่อนแล้ว
เพราะเหตุว่า เวลาที่อารมณ์กระทบกับอตีตภวังคจิต และ เวลาที่ภวังคจลนจิตไหวไปเพื่อจะรับรู้อารมณ์นั้น มีหลายขณะที่จิตนั้นไม่มีกำลังพอที่จะเกิดขึ้นแล้วรับรู้อารมณ์ในขณะนั้นได้ เช่น คนที่นอนหลับสนิท เขย่าแล้วก็ยังไม่ตื่น เขย่าแรงๆ ก็ยังไม่ตื่นอีก เพราะอะไร เพราะว่า อาวัชชนจิต ไม่เกิด มีแต่อตีตภวังคจิต และภวังคจลนจิต เพราะฉะนั้น จึงเป็น "โมฆวาระ" เพราะเหตุว่า วิถีจิตไม่ได้เกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่มากระทบชื่อว่า "โมฆวาระ" เพราะ เป็นขณะที่วิถีจิตไม่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางปัญจทวาร
เวลาที่ อตีตภวังคจิต ภวังคจลนจิต และ ภวังคุปัจเฉทจิต เกิดแล้วปัญจทวาราวัชชนจิต ดวงใดดวงหนึ่ง เกิดแล้วปัญจวิญญาณจิต ดวงใดดวงหนึ่งเกิดแล้ว สัมปฏิจฉันนจิตเกิดแล้ว สันตีรณจิตเกิดแล้ว โวฏฐัพพนจิตเกิดแล้ว แต่ชวนจิตไม่เกิด เพราะอะไร เพราะ รูป (ที่เป็นอารมณ์) ดับไปเสียก่อนแล้ว นี้ชื่อว่า "โวฏฐัพพนวาระ" คือ ขณะที่โวฏฐัพพนจิตเกิดแล้วดับไป โดยที่ชวนจิตยังไม่เกิดต่อเพราะ รูป (ที่เป็นอารมณ์) ดับไปก่อน
บางวิถี ชวนวิถีเกิดแล้วดับไป ๗ ครั้ง แล้วรูป (ที่เป็นอารมณ์) ก็ดับไป ฉะนั้น ตทาลัมพณวิถีจิตก็เกิดไม่ได้ การรู้อารมณ์ของจิตในวาระนั้น จึงมีวิถีจิตเพียง ๖ วิถี คือ ถึงชวนวิถีเท่านั้น แล้วรูป (ที่เป็นอารมณ์) ก็ดับไป การรู้อารมณ์ในวาระนี้ ชื่อว่า "ชวนวาระ"
และในบางวาระ เมื่อชวนวิถีจิตเกิดดับ ๗ ครั้งแล้ว รูป (ที่เป็นอารมณ์) ยังไม่ดับไป จึงเป็นปัจจัยให้ตทาลัมพณวิถีจิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ของวิถีจิตในวาระนั้น วาระนั้น จึงชื่อว่า "ตทาลัมพณวาระ"
นี่เป็นเรื่องที่ควรพิจารณา ว่า สภาพธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง เป็นอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า เวลาที่อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งกระทบปสาท ในแต่ละครั้งนั้นวิถีจิตจะต้องเกิดตลอดครบทั้ง ๗ วิถี นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่เวลาที่ใช้คำศัพท์ต่างๆ ก็อาจจะเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยว่า หมายความถึงอะไร แต่ควรทราบว่า เป็นชีวิตปกติประจำวัน ฉะนั้น ธรรมทั้งหลาย ไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่ว่าเป็นชีวิตจริงๆ แต่ละขณะๆ ที่กำลังเห็น ตลอดจนถึงการคิดนึก ในขณะนี้ทุกท่านกำลังเห็น ทราบถึงวิถีจิตได้แล้วใช่ไหมโดยการฟัง ว่ามีจิตอะไรเกิดบ้าง อาวัชชนจิตต้องมี วิญญาณจิตต้องมี ในขณะที่เห็นทางตา หลังจากนั้น สัมปฏิจฉันจิตต้องมี สันตีรณจิตต้องมี โวฏฐัพพนจิตต้องมี ชวนจิตต้องมี นี่เป็นความสำคัญที่สุด คือ เวลาที่ชวนจิตเกิดขึ้น (กระทำกิจ) ที่จะเตือนให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณาว่า ชวนจิต ที่เกิดในขณะที่เห็นนั้น เป็นกุศล หรือ เป็นอกุศล สำคัญไหมคะ สั่งสมสันดานของตนเอง แต่ละขณะจิตที่เกิดนั้น ไม่ได้หายไปไหนเลย
แนวทางเจริญวิปัสสนาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ผมจะขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับโมฆะวาระ ในขณะที่เครื่องบินจอดลงที่สนามบินฮ่องกง มีรถมารับที่ลานจอดเครื่องบินเพื่อที่จะนำผู้โดยสารสู่อาคาร ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในรถพร้อมกับผู้โดยสารอื่นๆ เพราะที่นั่งเต็ม ในขณะที่รถถึงอาคารและผู้โดยสารเริ่มลง ผมได้ยินผู้หญิงฮ่องกงคนหนึ่งตบหน้าผู้ชายคนหนึ่งอย่างแรงหลายๆ ทีพร้อมทั้งเรียกชื่อดังๆ เสียงเรียกเต็มไปด้วยอารมณ์ของการขอร้องเหมือนเรียกคนที่ตายให้พื้น ผู้ชายคนนั้นยืนเกาะเสาอยู่ ผลสุดท้ายก็รู้ตัว เมื่อรู้ตัวแล้วก็ยิ้ม ส่วนเสียงของหญิงก็เป็นปรกติ ผมก็คิดว่าทั้งๆ ที่ยืนอยู่ อากาศเย็นๆ ก็เป็นโมฆะวาระได้ เขียนให้อ่านเล่นๆ ครับ
สาธุ
เพราะฉะนั้นจึงควรเข้าใจถึงวิถีจิตไม่ใช่เพียงศัพท์ต่างๆ แต่ขณะนี้เองที่เห็น ได้ยิน ... ตลอดจนถึงคิดนึก ซึ่งเป็นชีวิตแต่ละขณะๆ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ