จากข้อความที่ว่า มโนวิญญาณธาตุเป็นจิตที่รู้อารมณ์ทางมโนทวารได้และบางดวงก็รู้อารมณ์โดยไม่อาศัยทวารเลย เรียนถามว่าดวงที่รู้อารมณ์โดยไม่อาศัยทวารเลยหมายถึงอะไร
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์
การจำแนกจิต จำแนกโดยนัยที่เป็นวิญญาณธาตุ ๗ ได้แก่ จักขุวิญญาณธาตุ (จิตเห็น ๒ ดวง ที่เป็นผลของกุศลและอกุศล) โสตวิญญาณธาตุ (จิตได้ยิน ๒ ดวง ที่เป็นผลของกุศลและอกุศล) ฆานวิญญาณธาตุ (จิตได้กลิ่น ๒ ดวง ที่เป็นผลของกุศลและอกุศล) ชิวหาวิญญาณธาตุ (จิตลิ้มรส ๒ ดวง ที่เป็นผลของกุศลและอกุศล) กายวิญญาณธาตุ (จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ๒ ดวง ที่เป็นผลของกุศลและอกุศล) มโนธาตุ ๓ ดวง (วิถีจิตแรกทางปัญจทวาร และ สัมปฏิจฉันจิต ๒ ดวง) มโนวิญญาณธาตุ (จิต ๗๖ ดวง ที่เหลือจากข้างต้น)
มโนวิญญาณธาตุ หมายถึง จิต ๗๖ ดวง (นอกเหนือจากปัญจวิญญาณธาตุ ๑๐ ดวง และมโนธาตุ ๓ ดวง) จิต ๗๖ ดวงนี้ เป็นมโนวิญญาณธาตุ เพราะรู้อารมณ์ได้ทั้ง ๖ อารมณ์ และ เกิดได้ทั้ง ๖ ทวาร และวิบากจิตบางดวงที่ทำกิจปฏิสนธิ ทำกิจภวังค์ ทำกิจจุติ ก็รู้อารมณ์ได้โดยไม่ต้องอาศัยทวาร
ดังนั้น มโนวิญญาณธาตุดวงที่รู้อารมณ์โดยไม่อาศัยทวารเลยหมายถึงวิบากจิตที่เกิดขึ้นทำกิจปฏิสนธิ ทำกิจภวังค์ และทำกิจจุติ ได้แก่ กามาวจรวิบาก ๑๐ (อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก, อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก, มหาวิบาก ๘) รูปาวจรวิบาก ๕ และ อรูปาวจรวิบาก ๔
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นธรรมที่มีจริง เป็นจิตที่เกิดขึ้น ทำกิจหน้าที่ของตนๆ แล้วก็ดับไป ประโยชน์ของการศึกษาก็เพื่อได้เข้าใจว่า มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ จิตก็เกิดขึ้นเป็นไป ทำกิจหน้าที่ของตนๆ ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น เป็นไปเพื่อละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เมื่อได้ฟังได้ศึกษาเรื่องจิตโดยนัยต่างๆ ก็เพื่อเข้าใจว่า จิตเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การศึกษาในส่วนของพระอภิธรรม เช่น เรื่องมโนวิญญาณธาตุ เป็นการแสดงถึงลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง บางครั้ง อาจจะคิดว่ายากและไกลตัว แต่การศึกษาธรรมที่ถูกต้อง จะต้องเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะมโนวิญญาณธาตุ ก็คือ สภาพธรรมที่รู้ได้ทางใจที่กำลังเกิดในขณะนี้ เพียงแต่ว่า ปัญญาของเรายังไม่สามารถที่จะรู้ในมโนวิญญาณธาตุได้จริงๆ ที่เป็นเพียงขั้นคิดนึก แต่จุดประสงค์ที่สำคัญ ในการศึกษาในส่วนละเอียดของพระธรรม เป็นการแสดงให้เห็นถึงส่วนละเอียดของชีวิต ที่เป็น จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น ไม่มีเรา มีแต่ธรรมที่เป็นไป ขณะนี้ก็มี มโนวิญญาณธาตุ แต่ มโนวิญญาณธาตุบางอย่าง ที่ไม่อาศัยทวารเลย ก็มี คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และ จุติจิต ซึ่งจิตทั้ง 3 ประเภทนี้ ไม่สามารถเกิดระลึกรู้ได้ด้วยเพียงสติปัฏฐาน ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นและดับไป ไม่มีลักษณะปรากฎให้รู้ได้ เพราะเพียงทำให้บุคคลนั้นเกิดขึ้นมา ส่วน จุติจิต ก็เป็นจิตที่ทำหน้าที่ให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ก็ไม่สามารถเป็นอารมณ์ให้ปัญญารู้ความจริงได้
ส่วน ภวังคจิต ก็เป็นจิตที่ดำรงภพชาติ ผู้มีปัญญามากเท่านั้นที่จะเกิดระลึกรู้ในลักษณะของภวังคจิตได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นขั้นการฟัง ว่า มโนวิญญาณธาตุเป็นอย่างไร ประโยชน์ คือ ให้เกิดกุศล เกิดปัญญา ความเห็นถูกในการศึกษาพระอภิธรรม จึงไม่ต้องปฏิเสธในการศึกษา มีโอกาสก็ศึกษาในส่วนละเอียด แต่จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นที่ดีเสียก่อน แต่จะต้องศึกษาด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้อง คือ ไม่ใช่เพื่อความรู้มาก อยากรู้ แต่ รู้เพื่อละ ละความเห็นผิดว่ามีเรา เพราะไม่มีเรา มีแต่ธาตุ มีแต่มโนวิญญาณธาตุ และ เกิดกุศลจิตที่จะเกิดการระลึกถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า ที่แสดงถึงความละเอียดของชีวิต ที่เป็นจิต เจตสิก แต่ละขณะอย่างละเอียด แม้รู้ตามไม่ได้ แต่ทรงแสดงความจริง ก็น้อมระลึกเกิดกุศลจิตในการระลึกถึงพระคุณ นี่คือ ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม และ เรื่องมโนวิญญาณธาตุครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ