1. ขันธ์ ๕ ที่เป็นโลกียธรรมนั้น ขณะที่ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน จะจัดเป็นอุปาทานขันธ์ได้หรือไม่ครับ?
2. องค์ธรรมของอายตนะ คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพานนั้น มีข้อกำหนดหรือไม่ครับ ว่าขณะใดจึงเรียก เป็นอายตนะได้ ขณะใดไม่ใช่อายตนะ?
ขอขอบพระคุณครับ
๑. ขันธ์ที่เป็นโลกียธรรมทั้งหมดเป็นอารมณ์ของอุปาทาน เรียกว่าอุปาทานขันธ์ (แม้ขณะนั้นไม่เป็นอารมณ์)
๒. อายตนะ คือ ที่ประชุมของนามรูป จะเรียกอายตนะเมื่อมีการประชุมกัน
ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมในข้อที่ 1. อุปาทานขั้นธ์ มี 2 นัย คือ ขันธ์ที่เกิดเพราะยังมีอุปาทานและขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน
ดังนั้นโดยนัยแรก ขันธ์ ๕ ที่เกิดเพราะอุปาทาน เป็นอุปาทานขันธ์ (ตามปฏิจจสมุปปาทที่ว่า อุปาทานเป็นปัจจัยแก่ภพ)
ส่วนนัยหลังแม้ว่าโลกิยขันธ์ทั้งหลายสามารถเป็นอารมณ์แก่อุปาทานได้ทั้งนั้น แต่ว่าแต่ละบุคคลหรือในแต่ละขณะก็อาจมีหรือไม่มีอุปาทานขันธ์ต่างกันได้ เช่น ในขณะนอนหลับสนิทก็ไม่มีอุปาทานเกิดขึ้นที่จะยึดถือสภาพธรรมใดๆ
ขออนุโมทนาครับ