ขณะใดจึงเป็นอุปาทานขันธ์ อายตนะ
โดย ทรงศักดิ์  31 ส.ค. 2548
หัวข้อหมายเลข 351

1. ขันธ์ ๕ ที่เป็นโลกียธรรมนั้น ขณะที่ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน จะจัดเป็นอุปาทานขันธ์ได้หรือไม่ครับ?

2. องค์ธรรมของอายตนะ คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพานนั้น มีข้อกำหนดหรือไม่ครับ ว่าขณะใดจึงเรียก เป็นอายตนะได้ ขณะใดไม่ใช่อายตนะ?

ขอขอบพระคุณครับ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 1 ก.ย. 2548

๑. ขันธ์ที่เป็นโลกียธรรมทั้งหมดเป็นอารมณ์ของอุปาทาน เรียกว่าอุปาทานขันธ์ (แม้ขณะนั้นไม่เป็นอารมณ์)

๒. อายตนะ คือ ที่ประชุมของนามรูป จะเรียกอายตนะเมื่อมีการประชุมกัน


ความคิดเห็น 2    โดย study  วันที่ 5 ก.ย. 2548

ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมในข้อที่ 1. อุปาทานขั้นธ์ มี 2 นัย คือ ขันธ์ที่เกิดเพราะยังมีอุปาทานและขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน

ดังนั้นโดยนัยแรก ขันธ์ ๕ ที่เกิดเพราะอุปาทาน เป็นอุปาทานขันธ์ (ตามปฏิจจสมุปปาทที่ว่า อุปาทานเป็นปัจจัยแก่ภพ)

ส่วนนัยหลังแม้ว่าโลกิยขันธ์ทั้งหลายสามารถเป็นอารมณ์แก่อุปาทานได้ทั้งนั้น แต่ว่าแต่ละบุคคลหรือในแต่ละขณะก็อาจมีหรือไม่มีอุปาทานขันธ์ต่างกันได้ เช่น ในขณะนอนหลับสนิทก็ไม่มีอุปาทานเกิดขึ้นที่จะยึดถือสภาพธรรมใดๆ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 16 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ