เมื่อทาง มูลนิธิฯ งดสนทนาธรรม เราควรใช้เวลาว่างไปไหน ทำอะไรดี?
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
.
ข้อความบางตอนจากหนังสือปรมัตถธรรมสังเขป......
.
พระผู้มีพระภาคฯมิได้ทรงแสดงธรรมให้บุคคลใด มีอกุศลจิตมากๆ หรือ เป็นห่วง เป็นกังวลมากๆ แต่ ทรงแสดงธรรม เพื่อให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง.
.
อกุศลธรรม ทั้งหมด เกิดขึ้นเพราะเหตุ-ปัจจัย ยับยั้งไม่ได้.!เมื่ออกุศลจิต ประเภทหนึ่งประเภทใดเกิดขึ้น อกุศลจิตนั้น ก็เกิดขึ้นแล้ว.
.
แต่ "ร่าเริง" ได้.!ในขณะที่ "สติ-ระลึก-รู้-ลักษณะของอกุศลธรรม-ที่กำลังปรากฏ"และมีการ "ศึกษา -พิจารณา-ลักษณะของอกุศลธรรม-ที่กำลังปรากฏ"เพื่อจะได้รู้ว่า แม้แต่ อกุศลธรรม-ที่กำลังเกิด-ปรากฏในขณะนั้นก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน.
.
เมื่อ สติ-เกิด-ระลึก-รู้-ลักษณะของอกุศลธรรม-ที่กำลังปรากฏย่อม-รู้ชัด-ได้จริงๆ ว่า ขณะที่สติกำลังระลึก-ตรง-อกุศลธรรม-ที่กำลังปรากฏนั้นจิตใจไม่เศร้าหมองเลย.!
เพราะว่าเมื่อไม่ยึดถือ อกุศลธรรม ที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนั้นว่า เป็นตัวตน หรือ เป็นเรา ก็ไม่เดือดร้อนใจ.
.
หนทางเดียว ที่จะบรรเทา ละคลายอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นไม่ให้เพิ่มความเป็นห่วงกังวล ซึ่งเป็นอกุศลธรรม มากขึ้น นั้นก็โดยการที่ สติ ระลึก และ สังเกต พิจารณา รู้ว่าสภาพธรรมที่เป็น อกุศลต่างๆ นั้น....ไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคลใดๆ เลย.
.
ฉะนั้น เมื่ออบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็จะเข้าใจถึงความหมายของคำว่า"ให้ร่าเริง" คือ ให้ผ่องใส และ ให้รุ่งเรืองด้วยคุณ ที่ตนแทงตลอดแล้วคือ สามารถที่จะประจักษ์ ลักษณะของสภาพธรรม ตามปกติ ตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน.
.
คำว่า "ทำให้สำเร็จประโยชน์"คือ พิจารณา รู้ อย่างนี้ ว่า...ประโยชน์นี้ เราทั้งหลาย ควรบรรลุได้.!ดังนี้แล้ว....ก็ชื่อว่า มีประโยชน์แต่เทศนานั้น.
.
การเจริญสติปัฏฐาน นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะท้อถอยเลย.!
สภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ เป็นสิ่งที่สามารถแทงตลอดในสภาพที่เกิดขึ้น และ ดับไปว่า ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล.
ในขณะที่พิจารณา รู้ อย่างนี้ ว่า "ประโยชน์นี้ เราทั้งหลายควรบรรลุได้"ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่หมดหวัง...เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรบรรลุได้ ในวันหนึ่งแม้ยังไม่ใช่วันนี้.
.
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นห่วง ว่า จะไม่สามารถรู้แจ้งสภาพธรรมได้ในวันนี้เพราะว่า "สติ" สามารถที่จะ เริ่ม ระลึก ได้ ในวันนี้.!
ส่วนการที่จะประจักษ์แจ้งแทงตลอด ในลักษณะของสภาพธรรมย่อมประจักษ์ได้ ในวันใดวันหนึ่ง................ในเมื่อวันนี้ สติ สามารถที่จะเกิด ระลึกรู้ ได้.!
.
เมื่อทราบแล้ว ว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงว่า...."นี้มีประโยชน์" คือ ให้ รู้ ว่า "เราควรบรรลุได้"
ก็จะไม่ท้อถอย ที่จะฟัง และ ศึกษาต่อไป ในเรื่องของสภาพธรรม ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงโดยละเอียด ต่อไปเพื่อที่จะได้ไม่หลงลืมสติ.
ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์.
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา
ไม่ว่าจะอยู่ไหนหรือไปไหน
ก็ไม่พ้น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส และคิดนึก
ยกเว้นเวลานอนหลับสนิทและไม่ฝัน
ทุกๆ วันจะเปิดเว็บบ้านธัมมะ ฟังวิทยุออนไลน์บ้านธัมมะเป็นประจำ ส่วนในใจรำลึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์สุจินต์เสมอว่า รัก และ เคารพ ท่านอาจารย์ ให้ปฏิบัติทำตนเองเป็นคนดี คิดดี ทุกวันนี้มีอะไรที่มากระทบ ที่ทำให้เกิดโทสะ ก็ให้ระลึกรู้ นี่เป็นธรรมะ ทุกๆ วันนี้ ในใจรำลึกถึงท่านอาจารย์สุจินต์เสมอ และ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์มากๆ ค่ะ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 185 ท่านทั้งหลายจงริเริ่ม จงก้าวหน้า จงประกอบ (ความเพียร) ในพระพุทธ- ศาสนา จงกำจัดเสนาแห่งมัจจุเหมือนช้าง กำจัดเรือนไม้อ้อฉะนั้น ผู้ใดจักไม่ประมาท
ในพระธรรมวินัยนี้อยู่ ผู้นั้นจักละสงสาร คือชาติ แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. ไปตามการสะสม ไปตามสภาพธรรม ไปทีละขณะและไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนที่สะสมมา เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติครับ
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่ไม่ปกติมากขึ้นครับ
เพื่อความไม่ประมาทครับ
สิ่งใดพอช่วยเหลือได้ก็จะช่วยตามกำลัง ตามโอกาสและตามที่สิ่งแวด
ล้อมเอื้ออำนวยครับ
เชิญทุกท่าน บริจาคโลหิตช่วยผู้บาดเจ็บทุกอาการ (ที่จำเป็น
ต้องใช้โลหิต) และ แผ่เมตตา เจริญมรณสติหรือแล้วแต่จริตของท่านครับ
และ อุทิศกุศลให้ผู้เสียชีวิตทุกฝ่ายจากเหตการณ์สลายการชุมนุมครับ
ขออนุโมทนาครับ
พระผู้มีพระภาคฯมิได้ทรงแสดงธรรมให้บุคคลใด มีอกุศลจิตมากๆ หรือ เป็นห่วง เป็นกังวลมากๆ แต่ ทรงแสดงธรรม เพื่อให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง.
พิสูจน์ลักษณะของสภาพธรรมตามปรกติตามความเป็นจริงในชิวิตประจำวัน
ทั้งกุศลและอกุศล ก็ไม่ใช่เรา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ไปอยู่ทุกๆ ขณะ ตามเหตุตามปัจจัยครับ
แต่ไม่ว่าจะ "ไป" ที่ไหนๆ เมื่อ "ไป" ด้วยความเข้าใจพระธรรม
ก็เป็นการ "ไป" ที่ อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ข้อนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยเศียรเกล้า
ดิฉันไปทำงานตามปกติ ฟังพระธรรม ทางวิทยุ, mp3, CD
ไปรับพระไตรปิฎก พร้อมตู้ใส่ อันเชิญมาที่บ้านด้วยความปีติ และตั้งความปรารถนา
จะมีฉันทะ มีขันติ ในการอ่านทำความเข้าใจให้มากเท่าที่เหตุ ปัจจัย จะบังเกิดขึ้น
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นท่านอาจารย์กล่าวสอนว่าก็เป็นสภาพธรรมะ ทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
จะพยายามสะสมความรู้ความเข้าใจในสภาพธรรมะเรื่อยๆ ไป "ไม่พัก ไม่เพียร"
ขอกราบขอขอบพระคุณท่านอ.สุจินต์ อย่างสูงยิ่ง
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตที่ผู้ตั้งกระทู้กรุณาคิดถึงเพื่อนๆ ผู้ร่วมฟัง
พระธรรมค่ะ
แทบจะทุกขณะจิตไปตามกิเลสที่สั่งสมมา แต่บางขณะที่กุศลจิตเกิดข้าพเจ้านั่งฟังพระธรรมแม้ขณะขับรถ หรือก่อนนอนก็ตาม
ขณะที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นก็ไหลไปตามอกุศลจิตที่เกิดทางตา
ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจค่ะ